“วันนี้ทาง TripTH จะพาทุกคนนุ่งขาวห่มขาว รับบุญ ปลดปล่อยทุกข์กันให้เติ่มอิ่มกับวัดทั่วประเทศไทย สายบุญห้ามพลาด เราจะรวบรวมวัดสวย 15 วัดในประเทศไทยให้กับสายบุญทุกคนได้ตามกันไปสักการะบูชา เพื่อเสริมศิริมงคลให้กับชีวิตกันไปเลย จะมีที่ไหนบ้างไปดูกันเลย”
1.วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว จ.เพชรบูรณ์
วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว ตั้งอยู่ ต.แคมป์สน อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ เป็นสถานที่อันเป็นธรรมภูมิที่งดงาม รายล้อยด้วยทิวเขาสูงสลับซับซ้อน รวมทั้ง องค์พระพุทธรูปสีขาว ประดิษญานเรียงกัน 5 องค์ มองเห็นโดดเด่นแต่ไกล ถูกสร้างขึ้นเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในวโรกาสที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองราชย์ครบ 60 ปี ความโดดเด่นอลังการก็คือ สีสันอันสดใสที่เกิดจากการนำกระเบื้องสีถ้วยชามเบญจรงค์มุกลูกปัดแก้วแหวนเงินทอง สิ่งมีค่าต่างๆ รวมถึงเซรามิคหลากสีสัน มาประดับประดาตกแต่งเป็นลวดลายที่สวยงาม เมื่อโดดแสงแดดทั่วทั้งอาณาบริเวณจะสะท้อนประกายงดงามอย่างมาก ถือเป็นสถานที่อันสวยงามและศักดิ์สิทธิ์ควรค่าแก่การไปเยือนเป็นอย่างมาก
2.วัดถ้ำเสือ จ.กาญจนบุรี
วัดถ้ำเสือ ตั้งอยู่ อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี สิ่งที่สะดุดสายตาของนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวชมวัด เพื่อกราบนมัสการพระธาตุ ก็คือ ความใหญ่โตกว้างขวาง ของวัด และพระพุทธรูปปางประทานพรที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัดกาญจนบุรีตัวองค์ พระสวยงามประดับ ด้วยโมเสคสีทองทั้งองค์ เมื่อเดินทางมาถึงด้านบน ก็พบกับความสดชื่นของลมที่พัดเย็น มองไปด้านล่างจะเห็นเป็นทุ่งนาเขียวขจี นอกจากนี้ยังมีพระเจดีย์เกศแก้วปราสาท องค์พระเจดีย์เป็นสีอิฐ ทั้งองค์ แบ่งเป็นชั้นต่าง ๆ หลายชั้น แต่ละชั้นจะ ประดิษฐาน พระพุทธรูปต่างๆ มากมาย จนถึงชั้นบนสุดเป็นที่ประดิษฐานของพระบรมสารีริกธาติที่อัญเชิญ มาจากประเทศ อินเดีย และยังมีวิหารต่าง ๆ ให้เข้าไปสักการะพระพุทธรูปและชื่นชมความงดงามของจิตรกรรมฝาผนังภายใน ข้างล่างเป็นถ้ำขนาดเล็กอยู่บริเวณเชิงเขาด้านล่าง ภายในประดิษฐานพระประจำวันเกิดและจำหน่ายวัตถุมงคล
3.วัดปากน้ำแขมหนู จ.จันทบุรี
วัดปากน้ำแขมหนู ตั้งอยูที่ ต.ตะกาดเง้า อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี บริเวณสะพานปากน้ำแขมหนู ริมชายฝั่งปากอ่าว ความเป็นมาของพระโบสถ์หลังนี้ เนื่องจากพระอุโบสถหลังเก่าของวัด เริ่มชำรุดทรุดโทรมมากขึ้น ผุกร่อนจนลามไปทั่วถึงหลังคา อีกทั้งช่วงหน้าฝนเกิดน้ำรั่ว จนไม่สามารถประกอบกิจสังฆกรรมของสงฆ์ได้ จึงได้รื้อโบสถ์หลังเก่า และก่อสร้างโบสถ์หลังใหม่ขึ้น โดยใช้กระเบื้องเซรามิกมาประดับทำให้มีความมันเงาคงทนแข็งแรง และใช้ลวดลายสีน้ำเงินตัดกับสีขาว ตามแบบสีของเครื่องลายครามในสมัยโบราณ พบว่ามีความสวยงาม โดดเด่น บอกเลยว่า สวยงาม ตระการตา จนปัจจุบันนี้ทำให้มีผู้คนเข้ามาชื่นชมความงดงามและถ่ายภาพกลับไปเป็นที่ระลึกเสมอ เมื่อมาถึงที่นี่แล้ว ไม่ควรพลาดที่จะเข้าไปกราบสักการะพระประธานในโบสถ์สีน้ำเงินที่จำลองแบบจากพระพุทธชินราช เพื่อเสริมสร้างพลังศรัทธาและเพิ่มความเป็นสิริมงคลให้กับชีวิต ส่วนด้านหน้าโบสถ์จะพบกับบรรไดพญานาค 5 เศียร ที่มีลำตัวทอดยาวไปจนสุดทางบันได เมื่อได้มามองใกล้ สัมผัสกับสถาปัตยกรรมของวัดแห่งนี้แล้วบอกได้คำเดียวว่าสวยมาก งามอย่างไทยสุดๆ
4.วัดไพรพัฒนา(หลวงปู่สรวง) จ.ศรีสะเกษ
วัดไพรพัฒนา(หลวงปู่สรวง) วัดสีส้มอิฐ ตั้งอยู่ที่ 111 หมู่ 10 ตำบลไพรพัฒนา อำเภอภูสิงห์ ศรีสะเกษ เดิมเป็นที่พำนักของหลวงปู่สรวง นักบุญแห่งดินแดนอีสานใต้ พระผู้บำเพ็ญเพียรตามแนวเขตชายแดนไทย-กัมพูชา อันมีเมตตาบารมีช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากจนเป็นที่รักและศรัทธาของผู้คนละแวกนั้น รวมไปถึงลูกศิษย์ลูกหาทั่วไป จนท่านได้ถูกขนานนามว่า “เทวดา เดินดิน” หลังจากที่หลวงปู่ละสังขารไปในปีพุทธศักราช 2542 สรีระสังขารของหลวงปู่ไม่เปื่อยไม่เนา ลูกศิษย์ลูกหาจึงได้นำไปบรรจุไว้ในโลงแก้วเพื่อให้ลูกศิษย์ลูกหา รวมไปถึงนักท่องเที่ยวได้มากราบไหว้ขอพร และลอดใต้โลงแก้วเพื่อเสริมความเป็นสิริมงคลให้กับชีวิต เมื่อสำเร็จ ก็จะนำของไปถวาย หลวงปู่สรวง อย่างเช่น ไก่ และ ว่าว
5.วัดถ้ำคูหาสวรรค์ จ.อุบลราชธานี
วัดถ้ำคูหาสวรรค์ เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมและธรรมชาติที่สำคัญของจังหวัดอุบลราชธานี ก่อตั้งโดย “หลวงปู่คำคนิง จุลมณี” ซึ่งใช้เป็นที่ ปฏิบัติธรรมจำพรรษาปัจจุบันท่านได้มรณภาพแล้ว แต่ร่างกายไม่เน่าเปื่อยบรรดาลูกศิษย์ได้เก็บร่างของท่าน ไว้ในโลงแก้วเพื่อบูชา ยังคงถือโอกาส ชมทิวทัศน์แม่น้ำโขงและแม่น้ำสองสี ตลอดจนทิวทัศน์ของฝั่งประเทศตรงข้ามได้อย่างชัดเจน เนื่องมาจากบริเวณที่ตั้งของวัดตั้งอยู่บนที่ราบสูง ริมฝั่งแม่น้ำโขง ทำให้สามารถมองเห็นทัศนียภาพที่สวยงามของแม่น้ำโขงและแม่น้ำมูลไหลรวมกัน กลายเป็นแม่น้ำสองสี อย่างสวยงาม รวมทั้งทิวทัศน์ ตัวอำเภอโขงเจียม ภายในบริเวณวัดถ้ำคูหาสวรรค์มีสิ่งที่น่าสนใจหลายอย่างเช่น พระอุโบสถหลังงามสีขาวแกะสลักลวดลายอย่างวิจิตรบรรจงสวยงาม ดึงดูดให้เหล่านักท่องเที่ยวแวะเข้าเยี่ยมชมที่นี่อย่างมากมาย นอกจากนี้ภายในวัดถ้ำคูหาสวรรค์ ยังมีพระธรรมเจดีย์ศรีไตรภูมิ ภายในประดิษฐาน พระพุทธรูปปางสมาธิที่สวยงาม และมี ถ้ำคูหาสวรรค์ ที่อยู่บริเวณด้านหลังวัดเป็นถ้ำที่เดินไปได้สะดวก ไม่ลึก ภายในถ้ำเป็น ที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัย มากมายหลายองค์ ด้านในถ้ำเป็นที่ตั้งของโลงแก้วที่บรรจุสรีระที่ไม่เน่าเปื่อยของหลวงปู่คำคนิง จุลมณี พระนักวิปัสสนาที่มีชื่อเสียง
6.วัดพระธาตุหนองบัว จ.อุบลราชธานี
วัดพระธาตุหนองบัว ตั้งอยู่ในอำเภอเมือง เป็นวัดที่มีชื่อเสียงและมีความสำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดอุบลราชธานี มีสถาปัตยกรรมที่งดงามและน่าสนใจ คือ “พระธาตุเจดีย์ศรีมหาโพธิ์ ” พระธาตุประจำปีเกิดปีมะเส็ง สร้างขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ครบรอบ 25 ศตวรรษของพุทธศาสนาในปี พ.ศ. 2500เป็นวัดใหญ่ โดยได้จำลองแบบมาจากเจดีย์ที่พุทธคยา ประเทศอินเดีย ซึ่งนับเป็นวัดเดียวในภาคอีสานที่มีเจดีย์แบบนี้ ภายในวัดเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ และรูปปั้นพญานาคราช 2 องค์ ขนาดใหญ่งดงาม ที่ตั้งอยู่บริเวณทางเข้าพระเจดีย์ เข้าไปด้านในวัดเราสามารถไหว้พระทำบุญเพื่อเป็นสิริมงคลก่อนเดินทางกลับ
7.วัดถ้ำอมรวิสุทธิธาราม จ.อุบลราชธานี
วัดถ้ำอมรวิสุทธิธาราม วัดพระใหญ่แม่น้ำโขง อ.โขงเจียม ที่นี่เป็นวัดตั้งอยู่ใกล้กับแม่น้ำโขง ใกล้กลับน้ำตกทุ่งนาเมือง ภายในวัดมีพระขนาดใหญ่ 3 องค์สีเหลืองอร่ามมองเห็นได้ตั้งแต่ระยะไกลสวยงามมากๆ เป็นอีกวัดที่ควรแวะมาเยี่ยมชม
8.วัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดาราม จ.ลำปาง
วัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดาราม ตั้งอยู่ริมแม่น้ำวัง ในเขตตำบลเวียงเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง บริเวณที่ตั้งวัดเป็นเนินดิน สูงขนาดใหญ่ แต่เดิมวัดพระแก้วดอนเต้ากับวัดสุชาดารามเป็นคนละวัดแต่ตั้งอยู่ติดกัน ต่อมาภายหลังได้มีประกาศของ กระทรวงศึกษาธิการให้ทั้งสองวัด เป็นวัดเดียวกัน จึงได้มีการรื้อกำแพงกั้นเขตวัดออก วัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดาราม พระอารามหลวงชั้นตรีชนิดสามัญ ตั้งอยู่ที่ ตำบลเวียงเหนือ อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง มีเนื้อที่ 51 ไร่ 2 งาน 61 ตารางวา เป็นวัดที่เก่าแก่และสวยงามมีอายุนับพันปี เคยเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร เป็นวัดเก่าแก่มีประวัติความเป็นมามากกว่า 500 ปี เคยเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกต
9.วัดร่องขุ่น จ.เชียงราย
วัดร่องขุ่น ตั้งอยู่ที่ ต. ป่าอ้อดอนชัย อ. เมือง จ. เชียงราย เป็นวัดที่ออกแบบและก่อสร้างโดยอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ จิตรกรชื่อดังของเมืองไทย ที่ใครๆก็ต้องรู้จัก ซึ่งปรารถนาจะสร้างวัดให้เหมือนเมืองสวรรค์ที่มนุษย์สัมผัสได้ เริ่มสร้างตั้งแต่ พ.ศ.2540 แลนด์มาร์คของจังหวัดเชียงราย วัดร่องขุ่น และมีพระกิตติพงษ์ กัลยาโณ รักษาการเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน วัดนี้ริเริ่มเมื่อครั้งที่ อาจารย์เฉลิมชัย ได้กลับมาเบี่ยมบ้านเกิด แล้วได้เห็น วันร่องขุ่น ที่คนรุ่นราวคราวก่อนได้สร้างไว้ เกิดความทรุดโทรม อาจารย์เฉลิมชัย จึงได้เกิดความคิด ที่จะสร้างวัดร่องขุ่น ผสมผสานกับศิลปสมัยใหม่ ให้สวยงาม และอยากสร้างงานศิลปะ ฝากไว้กับแผ่นดิน และเป็นสมบัติของชาติ และบ้านเกิด อาจารย์เฉลิมชัยจุงอุทิศทั้งชีวิตให้กับการสร้างงานชิ้นสุดท้ายของชีวิตชิ้นนี้ ด้วยเงินที่เก็บสะสมมาจากการจำหน่ายผลงานศิลปะในเวลากว่า 20 ปี เพื่อสร้างงานศิลปะที่ยิ่งใหญ่ไว้ให้คนรุ่นหลังต่อไป พระอุโบสถแต่งด้วยสีขาว ประดับด้วยกระจกแวววาววิจิตรงดงามแปลกตา เหนืออุโบสถที่ประดับด้วยสัตว์ในเทพนิยาย เป็นรูปกึ่งช้างกึ่งวิหคเชิดงวงชูงา ดูงดงามแปลกตาน่าสนใจมาก มีจุดให้ทำบุญอยู่หลายแห่ง ภายในวัดออกแบบและสร้างโดยศิลปะสมัยใหม่อีกด้วย
10.วัดพระธาตุดอยตุง จ.เชียงราย
วัดพระมหาชินธาตุเจ้า (ดอยตุง) หรือที่เรียกกันว่า วัดพระธาตุดอยตุงนั่นเอง ตั้งอยู่บริเวณส่วนที่เรียกว่าหน้าอกของดอยนางนอน ตำบลห้วยไคร้ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นถิ่นที่อยู่ของชาวเขา ซึ่งดอยตุงมีระยะทางห่างจากอำเภอเมืองเชียงรายประมาณ 46 กิโเมตร และมีพระธาตุดอยตุงประดิษฐานอยู่บนยอดดอย สามารถมองเห็นได้ในระยะไกลเนื่องจากพระธาตุดอยตุง ตั้งอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 2,000 เมตร วัดพระธาตุดอยตุง เป็นพระธาตุที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของ จ.เชียงราย ซึ่งมีความเก่าแก่ สวยงาม มองเห็นวิวธรรมชาติของเมืองเชียงรายได้อย่างเต็มตา มีลักษณะเป็นเจดีย์สีทองอร่าม 2 องค์คู่กัน และในฤดูหนาวบรรยากาศรอบองค์พระธาตุจะสวยงามเป็นพิเศษ เพราะถูกหมอกสีขาวปกคลุมทั่วบริเวณ วัดพระธาตุดอยตุงยังเป็นที่ประดิษฐานของพระธาตุประจำคนเกิดปีกุนอีกด้วยนะคะ
11.วัดพระธาตุผาเงา จ.เชียงราย
วัดพระธาตุผาเงา ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำโขงทางด้านทิศตะวันตก ตรงข้ามกับประเทศลาว ตั้งอยู่ในหมู่บ้านสบคำ ตำบนเวียง อำเถอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย มีพื้นที่ทั้งหมด 743 ไร่ พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นเนินเขาเล็กๆ ก่อนหน้านานมานี้ชาวบ้านเรียกดอยลูกนี้ว่า “ดอยคำ” แต่ช่วงหลังๆ ชาวบ้านเรียกว่า “ดอยจัน” วัดพระธาตุผาเงานั้นมีตำนานที่เล่าขานกันว่า ในพงศาวดารโยนกบอกว่า ขุนผาพิงหรือขุนพิง (พระองค์พิง) ผู้ครองนครโยนก องค์ที่ 23 ช่วงปี เป็นผู้สร้างเจดีย์ไว้บนหินก้อนใหญ่ที่เชิงเขาดอยจันทร์ ซึ่งเข้าใจว่าหมายถึงพระธาตุผาเงาในวัดนี้ และพระพุทธรูปหลวงพ่อผาเงา พบที่บริเวณถ้ำใต้ผา เป็นพระพุทธรูปที่ถูกหล่อขึ้นจากศิลปะเชียงแสนผสมกับรูปแบบของศิลปะสุโขทัย พระพุทธรูปมีลักษณะเป็นพระพุทธรูปนั่งขัดสมาธิราบปางมารวิชัย พระรัศมีเป็นเปลวสวยงาม หน้าตักมีขนาดสูงประมาณ 1.5 เมตร และกว้างประมาณ 1 เมตร ส่วนชื่อของวัดมาจากชื่อของพระธาตุผาเงา ส่วนคำว่าผาเงาหมายถึง เงาของก้อนหิน ก้อนหินที่มีขนาดทรงคล้ายเจดีย์ เวลาพระอาทิตย์กระทบก้อนหินทำให้เกิดเงาขนาดใหญ่ ชาวบ้านจึงเรียกว่า พระธาตุผาเงา นั้นเอง
12.วัดร่องเสือเต้น จ.เชียงราย
วัดร่องเสือเต้น ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านร่องเสือเต้น ตำบลริมกก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย วัดแห่งนี้ไม่ไกลจากตัวเมืองมากนัก ที่มาของการสร้างวัดนั้นเกิดจากบริเวณหมู่บ้าน ไม่ค่อยมีวัดวาอาราม ไม่ค่อยมีที่เหนี่ยวนำจิตใจของชาวบ้านแถวนั้น ชาวบ้านจึงตัดสินใจร่วมกันบูรณะวัดร้างให้เป็นวัดใหม่ และตั้งชื่อให้ว่า “วัดร่องเสือเต้น” ความโดดเด่นของวันร่องเสือเต้นที่เห็นได้ชัดคือ วิหารวัดร่องเสือเต้น สร้างและออกแบบโดยศิลปินพื้นบ้านชาวเชียงรายนาม สล่านก “วัดร่องเสือเต้น” เป็นวัดที่มีจุดโดดเด่นสำคัญเลยคือ เป็นวัดโทนสีที่ใช้เป็นโทนสีน้ำเงินฟ้าตัดกับสีทองเหลืองอร่าม ข้างในบริเวณวิหารเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรัชมงคลบดีตรีโลกนาถ สีขาวมุก โดยมีพระรอดลำพูน จำนวนประมาณ 88,000 องค์ แล้วยังมีแก้วแหวนเงินทองอีกมากมายหลายสิ่งได้ถูกฝังอยู่ใต้พระพุทธรูปองค์นี้ รวมทั้งบริเวณพระเศียรก็ได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก อีกทั้งยังได้รับพระราชทานนาม รัชมงคลบดีตรีโลกนาถอีกด้วย
13.วัดศรีสุพรรณ จ.เชียงใหม่
วัดศรีสุพรรณ ตั้งอยู่บนถนนวัวลาย อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นอีกหนึ่งวัดที่ไปเที่ยวเชียงใหม่แล้วไม่ควรพลาด เป็นวัดที่มีประวัติการก่อสร้างมานานกว่า 500 ปี โดยแต่ก่อนใช้ชื่อว่า “วัดศรีสุพรรณอาราม” ต่อมาเรียกสั้นๆ ว่า “วัดศรีสุพรรณ” ไฮไลท์ของวัดนี้ที่นักท่องเที่ยวนิยมมากราบไหว้และถ่ายรูปกันคือ อุโบสถเงินแห่งแรกของโลก สร้างจากการที่คนในชุมชนร่วมแรงร่วมใจสืบสานเครื่องเงินชุมชนวัวลาย เพราะที่นี่เค้ามีชื่อเสียงด้านทำหัตถกรรมเครื่องเงินของจังหวัดเชียงใหม่ และเนื่องด้วยวัดศรีสุพรรณตั้งอยู่ท่ามกลางชุมชนหัตถกรรมช่างหล่อ หัตถกรรมเครื่องเงิน เครื่องเขิน ทางวัดจึงมีแนวคิดที่จะสืบสานมรดกงานศิลป์ภูมิปัญญาท้องถิ่นให้ยั่งยืนสืบไปด้วยการรวบรวมภูมิปัญญาชาวบ้านไว้เป็นกลุ่มหัตถศิลป์ล้านนาวัดศรีสุพรรณ ที่สำคัญที่ห้ามผู้หญิงเข้าอุโบสถเป็นเพราะใต้ฐานอุโบสถ เป็นเขตพัทธสีมา (ภายในกำแพงแก้ว) ได้มีการฝังสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ของมีค่า คาถาอาคมและเครื่องรางของคลังไว้กว่า ๕๐๐ ปีอาจก่อให้เกิดความเสื่อมแก่สถานที่หรือตัวสุภาพสตรีเองตามจารีตล้านนา จึงห้ามสุภาพสตรีขึ้นอุโบสถหลังนี้นั้นเอง
14.วัดถ้ำพุหว้า จ.กาญจนบุรี
วัดถ้ำพุหว้า กาญจนบุรี ตั้งอยู่ที่ ต.หนองหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี วัดนี้เป็นสถาปัตยกรรมแบบขอมประยุกต์ ไฮไลท์อยู่ที่ถ้ำด้านใน มีหินงอกหินย้อยที่เกิดจากธรรมชาติเต็มไปหมด อากาศเย็นสบาย แถมมีจำลอง 12 นักษัตรประจำปีมาตั้งไว้ด้วย นอกจากนี้มีพระพุทธรูปหลายองค์ เช่น พระบรมสารีริกธาตุจากประเทศพม่า พระพุทธรูปปางสมาธิ ประดิษฐานเป็นองค์ประธาน และบริเวณภายนอกพระอุโบสถมีพระพุทธรูปขนาดใหญ่ สง่างาม ตั้งสูงตะหง่านตา เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้กราบไหว้ทางจิตใจกันด้วยนะ
15.วัดญาณสังวราราม จ.ชลบุรี
วัดญาณสังวราราม ตั้งอยู่ที่ ตำบลห้วยใหญ่ อำเภอ บางละมุง จังหวัดชลบุรี ชื่อของวัดนี้ตั้งตามสมณศักดิ์ เจ้าพระคุณสมเด็จญาณสังวรซึ่ง เป็นสมณศักดิ์ในครั้งนั้น ของเจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราช ซึ่งเป็นสมณศักดิ์ในครั้งนั้น ของพระคุณสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก องค์ที่ 19 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ สิ่งสำคัญในวัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร ได้แก่ พระอุโบสถ , พระบรมธาตุเจดีย์มหาจักรีพิพัฒน์ , พระมหามณฑปพระพุทธบาท ภปร.สก. , ศาลาอเนกกุศล สว.กว. , อเนกกุศลศาลา (วิหารเซียน) , ศาลานานาชาติ หรือศาลามังกรเล่นน้ำ , พระวิหารพระศรีอริยเมตไตรย , พระตำหนักทรงไทย และ พระพุทธมหาวชิรอุตตโมภาส
นี่แค่น้ำจิ้มนะคะ แท้จริงแล้วประเทศไทยยังมีที่เที่ยววัดสวยๆ รอให้พวกเราเดินทางไปเที่ยวชมสัมผัสความงามอ่อนช้อยของศิลปะโบราณไทย สักการะบูชา เสริมศิริมงคลแก่ชีวิตกันอีกเยอะมาก ๆ ส่วนใครจะไปเที่ยววัดก็อย่าลืมแต่งกายให้สุภาพเรียบร้อยกันด้วยนะคะ
