รีวิวสังขละบุรี 2 วัน 1 คืน เมืองชิคๆ @ กาญจนบุรี สังขละบุรี เมืองแห่งมนต์เสน่ห์ แนะนำ ที่เที่ยวสังขละบุรี เที่ยวสะพานมอญ เมืองบาดาล ชมวิถีชีติตชาวมอญ สังขละบุรี
สวัสดีครับ เรามาเจอกันอีกตามเคย ผมมีทริปท่องเที่ยวที่น่าสนใจมาแนะนำอีกตามเคย ถ้าหากเอ่ยถึงเมืองที่มีมนต์เสน่ห์ มีวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ มีสถานที่ท่องเทื่ยวที่หลากหลายในบ้านเรา ลำดับต้นๆผมคงนึกถึง อ.สังขละบุรี ทริปนี้เราจะไปเที่ยวกันที่ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี
ผมจะนำมารีวิวให้ดูกันว่า ไปยังไง ? เดินทางยังไง ? พักที่ไหน ? เที่ยวที่ไหน ? ผมไม่ได้แค่ทำให้คุณอยากออกไปเที่ยว แต่ผมจะแนะนำวิธีให้คุณเดินทางไปเที่ยว ^__^ (TripTH)
:: FOLLOW US ::
Facebook Fan Page : Tripth ทริปไทยแลนด์
Instagram : www.instagram.com/trip_th/
Twitter : twitter.com/TripthTh
Google+ : https://goo.gl/wdvzXg
Website : www.tripth.com/
Youtube : https://goo.gl/tA4KH0
Line : : //ti/p/@miv2982t
Inbox : m.me/TripTH.con/
ก่อนเดินทาง
พักที่ไหน ?
ทริปนี้เราจะไปพักกันที่ วังกะรีสอร์ท สังขละบุรี เป็นที่พักที่ตั้งอยู่กลางเมืองสังขละบุรี ราคาไม่แพง ห้องใหม่ สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน แอร์ ทีวี เครื่องทำน้ำอุ่น wifi ตู้เย็น มีอาหารเช้าฟรีด้วย ^^
ราคาห้องพัก
– 1000 บาท (วันธรรมดา) พร้อมอาหารเช้า
– 1200 (วันหยุด) พร้อมอาหารเช้า
แนะนำให้จองล่วงหน้า
ใครที่กำลังหาที่พักสังขละบุรี ติดต่อได้ตามรายละเอียดด้านล่างนี้ได้เลยครับ
วังกะรีสอร์ท สังขละบุรี
โทร : 034510434 , 0871539261
Facebook : www.facebook.com/wangkaresort/
Line ID : jass.wangka , jass0871539261
เว็บไซต์ : www.wangkaresort.com/
ไปยังไง ?
โดยรถยนต์
– จากกรุงเทพฯ วิ่งไปตามถนนบรมราชชนนี ผ่านพุทธมณฑล นครชัยศรี ขับไปตามถนนเพชรเกษม ไปจนถึงตัวจังหวัดนครปฐม เข้าตัวเมืองกาญจนบุรี
– จากกาญจนบุรี ให้ขับไปตามถนน 323 จะมาผ่านอุทยานแห่งชาติไทรโยคใหญ่ ไปจนถึงทางแยกอำเภอทองผาภูมิ เลี้ยวขวา ไปอำเภอสังขละบุรี ผ่านอุทยานแห่งชาติเขาแหลม บางช่วงเป็นทางขึ้นเขา หรือทางชันบ้าง แต่ก็เป็นทางลาดยางตลอดเส้นทาง ขับได้สะดวก ไปจนถึงสังขละบุรี (จากกาญจนบุรี – สังขละบุรี 216 กม.)
(จาก กรุงเทพฯ – สังขละบุรี ระยะทางรวม 362 กม.)
รถประจำทาง
– จาก กทม. นั่งรถตู้จากสายใต้ใหม่ ไปกาญจนบุรี (มีรถออกทุกวัน) ไปลงที่ บขส. กาญจนบุรี ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
– จากกาญจนบุรี (บขส.)
โดยรถตู้ กาญจนบุรี – สังขละบุรี มีรถออกตั้งแต่เวลา 7:30 น. ถึง 16:30 น. ออกทุกทุกชั่วโมง ค่ารถ 175 บาท (จากกาญจนบุรี – สังขละบุรี ใช้เวลาราว 4 ช.ม.)
โดยรถประจำทาง (รถหวานเย็น) นั่งรถสายกาญจนบุรี – ทองผาภูมิ – สังขละบุรี (จากกาญจนบุรี – สังขละบุรี ใช้เวลาราว 5 ช.ม.) เที่ยวเวลา 6:00 น. / 8:40 น. / 10:20 น. / 12:00 น. ค่ารถ 145 บาท
บขส. กาญจนบุรี โทร : 034-511-387
ดูรายละเอียดการเดินทางเพิ่มเติมที่ได้ : www.kanchanaburi-info.com/th/bus.html#Sangkhlaburi
เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว ก็ออกเดินทาง ขาดอะไรเราไปหาเอาข้างหน้า ^__^
เดินทาง
Day 1
กทม.
ออกจากกรุงเทพฯช่วงเช้า ทริปนี้เราจะเดินทางโดยรถส่วนตัว เพื่อความสะดวกในการเดินทาง กะว่าจะไปให้สังขละบุรีช่วงบ่าย
– จากกรุงเทพฯ วิ่งไปตามถนนบรมราชชนนี ผ่านพุทธมณฑล นครชัยศรี ขับไปตามถนนเพชรเกษม ไปจนถึงตัวจังหวัดนครปฐม เข้าตัวเมืองกาญจนบุรี
– จากกาญจนบุรี ให้ขับไปตามถนน 323 จะมาผ่านอุทยานแห่งชาติไทรโยคใหญ่ ไปจนถึงทางแยกอำเภอทองผาภูมิ เลี้ยวขวา ไปอำเภอสังขละบุรี ผ่านอุทยานแห่งชาติเขาแหลม บางช่วงเป็นทางขึ้นเขา หรือทางชันบ้าง แต่ก็เป็นทางลาดยางตลอดเส้นทาง ขับได้สะดวก ไปจนถึงสังขละบุรี ขับไปตามถนนใหญ่ สังเกตุซ้ายมือ ก็เห็น วังกะรีสอร์ท
(จากกาญจนบุรี – สังขละบุรี 216 กม.)
(จาก กรุงเทพฯ – สังขละบุรี ระยะทางรวม 362 กม.)
วังกะรีสอร์ท สังขละบุรี
ทริปนี้เราจะไปพักกันที่นี่ ถ้าออกจากกรุงเทพฯช่วงเช้า เราจะมาถึงสังขละบุรีช่วงบ่ายพอดี วังกะรีสอร์ท สังขละบุรี เป็นที่พักที่ตั้งอยู่กลางเมืองสังขละบุรี
เข้าไปด้านในห้องพัก เป็นห้องใหม่ สะอาด มีระเบียง มีโซฟา ตกแต่งสวย ราคาไม่แพง สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน แอร์ ทีวี เครื่องทำน้ำอุ่น wifi ตู้เย็น มีอาหารเช้าฟรีด้วย ^^ ถือว่าสมน้ำสมเนื้อ จัดว่าคุ้ม
ราคาห้องพัก
– 1000 บาท (วันธรรมดา) พร้อมอาหารเช้า
– 1200 (วันหยุด) พร้อมอาหารเช้า
แนะนำให้จองล่วงหน้า
ใครที่กำลังหาที่พักสังขละบุรี ติดต่อได้ตามรายละเอียดด้านล่างนี้ได้เลยครับ
วังกะรีสอร์ท สังขละบุรี
โทร : 034510434 , 0871539261
Facebook : www.facebook.com/wangkaresort/
Line ID : jass.wangka , jass0871539261
เว็บไซต์ : www.wangkaresort.com/
เช็คอิน เก็บของ เดี๋ยวเราจะออกไปเดินเล่นที่สะพานมอญกัน
สะพานมอญ
สะพานมอญ หรือสะพานอุตตมานุสรณ์ เป็นแลนด์มาร์คที่สำคัญของ สังขละบุรี มาเที่ยวสังขละบุรีไม่พลาดที่จะมาเยี่ยมชมสะพานมอญ สะพานชิคๆแห่งนี้
สะพานมอญจัดว่าเป็นสะพานไม้ที่ยาวอันดับหนึ่งของประเทศไทย และเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากสะพานไม้อูเบ็งในพม่าสะพานแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อใช้สัญจรข้ามแม่น้ำซองกาเลีย เป็นสะพานที่เกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของชาวบ้านในพื้นที่
เราจะได้เห็นวิถีชีวิต ของคนชาวบ้านที่นี่ มีทั้งคนไทย มอญ กะเหรี่ยง ชาวบ้านมีวิถีชีวิตเรียบง่าย วัฒนธรรม กับศาสนา ยังคงเหนียวแน่น บรรยากาศบนสะพาน ในช่วงเย็นอากาศดี ลมเย็นสะบาย วิวสวย มีความเป็นเอกลักษณ์มากๆ
ในตอนเย็นก็สามารถชมพระอาทิตย์ตกจากบนสะพานได้ด้วย
ถนนคนเดิน สังขละบุรี
ทุกเย็นวันเสาร์ จะมีถนนคนเดิน สามารถไปเดินเล่นกันได้ มีพื้นเมือ อาหารพื้นเมืองให้ลองชิมกัน ที่ไม่ควรพลาด คือหมูจุ่มมอญ ไม้ละ 1 บาท นั่งกินกันตรงนั้นเลย นับไม้จ่ายเงินนวนไม้ ต้องมาลอง ^^
กลับที่พัก วันนี้เอาเท่านี้ก่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้เราจะตื่นเช้าไปใส่บาตรที่หมู่บ้านชาวมอญกัน ^^
Day 2
พระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า สังขละบุรียามเช้า อากาศดีมากๆ มีหมอกลอยมาให้เห็นบ้าง (เรามาเที่ยวช่วงหน้าร้อน เดือน เม.ย.) อากาศยามเช้าก็ยังสดชื่นมากๆ
เดี๋ยวเราจะไปรอตักบาตรกันที่หมู่บ้านชาวมอญ
ประเพณีตักบาตรมอญ
ประเพณีตักบาตรของชาวมอญ เป็นประเพณีที่ทำกันมาอย่างยาวนาน คนที่นี่จะตักบาตรกันทุกเช้า ชาวบ้านเรียงรายกันมาใส่บาตร รวมถึงนักท่องเที่ยวด้วยก็จะใส่ชุดแบบชาวมอญมารอใส่บาตร ให้กลมกลืนกับชาวบ้าน
พระจะมาช่วงเวลา ราวๆ 06.40 น. โดยจะเดินไปตามซอย บริเวณหมู่บ้านชาวมอญ ก็สามารถไปรอใส่บาตรกันได้ เราเห็นวิถีชีวิตชาวมอญ ประเพณีการตักบาตรแบบมอญ
หลังจากตักบาตรเสร็จอิ่มบุญกันแล้ว ก็ไปเดินเล่นบนสะพานมอญ
สะพานมอญ ยามเช้า
บรรยากาศยามเช้าบน สะพานมอญ เป็นบรรยากาศที่ผมชอบมากๆ คนไม่เยอะ อากาศสดชื่น ไม่ร้อนมาก เห็นวิถีชิตชาวบ้าน ทำให้เรามีอินเนอร์ไปด้วย นั่งชิวๆบนสะพาน ฟินดีจัง ^^
เดี๋ยวเราจะไปนังเรือเที่ยว ชมวัดใต้น้ำ เมืองบาดาล
นั่งเรือชมวัดใต้น้ำ เมืองบาดาล
ที่สะพานมอญ จะมีเรือของชาวบ้าน มาบริการพาเที่ยวชมวัดใต้น้ำ หรือเมืองบาดาล เป็น Unseen ของสังขละบุรีเลยก็ว่าได้ สามารถติดต่อที่ทางเข้าสะพานมอญได้เลย หรือแค่เดินไปบนสะพานก็จะมีเด็กๆมาแนะนำ
ราคาเหมาลำ 500 บาท เที่ยวได้ 3 วัด **แต่เราต่อราคา ได้ราคา 400 บาท / ลำ (แนะนำให้ต่อรองราคาด้วยนะ ^^ )
พร้อมแล้วก็ลงเรือกันเลย บนเรือมีเสื้อชูชีพ นั่งได้ลำนึ่งไม่ควรเกิน 5 คน / ลำ จุดลงเรือจะอยู่ด้านล่างของสะพานมอญเลย เราจะไปเที่ยว วัดใต้น้ำ เมืองบาดาล กัน 3 วัด แต่ละวัดเป็นเสมือนตัวแทนของ 3 ชนชาติ
วัดวังก์วิเวการาม คือ วัดของชาวมอญ
วัดศรีสุวรรณ คือ วัดของชาวกระเหรี่ยง
วัดสมเด็จ คือ วัดของชาวไทย
ระหว่างทางเราจะเห็นวิว สองข้างทาง เห็นเจดีย์พุทธคยา ได้จากระยะไกล ล่องเรือไปตามลำน้ำ ของเขื่อนวชิราลงกรณ์ หรือเขื่อนเขาแหลม บรรยากาศยามเช้าไม่ร้อนมาก ชมวิวสองข้างทาง
นั่งเรามาสักพัก ก็จะมาถึงจุดแรกของเรา
– วัดวังก์วิเวการาม (เก่า)
วัดวังก์วิเวการาม (เก่า) วัดของชาวมอญ เป็นที่ตังเดิมของ วัดวังก์วิเวการาม วัดนี้เกิดจากพลังความเลื่อมใสศรัทธาต่อหลวงพ่ออุตตมะ เป็นจุดที่แม่น้ำสามสายมาบรรจบกัน คือ แม่น้ำบิคลี่ ซองกาเลีย และรันตี มารวมกันเป็นแม่น้ำแควน้อย
ในปี พ.ศ. 2527 มีโครงการสร้างเขื่อนวชิราลงกรณ์ หรือเขื่อนเขาแหลม ระดับน้ำเพิ่มขึ้นจนท่วม หมู่บ้านชาวมอญ รวมถึงวัดวังก์วิเวการามเดิม ทางการจึงได้ให้มีการอพยพ ย้ายวัดมาอยู่บนเนินเขาด้านฝั่งตะวันตกของลำน้ำแควน้อยในปัจจุบัน
วัดวังก์วิเวการาม (เก่า) จึงถูกปล่อยให้จมอยู่ใต้น้ำ เป็นที่รู้จักกันในนามของ “วัดใต้น้ำ” หรือ เมืองบาดาล ที่เราได้ยินกัน ซึ่งตอนนี้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของสังขละบุรี และเป็น Unseen Thailand ที่น่าสนใจมากๆ
ช่วงที่เรามาเป็นหน้าร้อน น้ำลดระดับลงมากจนสามารถเดินเข้าชมตัวโบสถ์ได้ เข้ามาบริเวณวัด เราจะเห็นตัวโบสถ์ หอระฆัง ปละประตู รอบโบสถ์ทั้งสี่ด้าน ซึ่งซุ้มประตูด้านึ่ง ล้มไปแล้ว
ข้อแนะนำ : ถ้าในฤดูน้ำมากก็อาจไม่เห็นตัวโบสถ์เลย , ถ้ามาช่วงน้ำน้อยก็สามารถเดินไปชมตัวโบสถ์ได้เลย
ออกจากวัดวังก์วิเวการาม (เก่า) เราจะไปยังจุดที่ 2
– วัดสมเด็จ (เก่า)
ทางเดินขึ้นไป จะเป็นเนินสูงขึ้นไป ขึ้นมาด้านบนเล่นเอาเหงื่ออกเลยทีเดียว
วัดสมเด็จ (เก่า) วัดของชาวไทย เป็นวัดเดียวที่ไม่ถูกน้ำท่วม ตั้งอยู่บนเนินเขาเล็กๆ เลยไม่ถูกน้ำท่วม แต่ถูกทิ้งร้างเมื่อครั้งย้ายอำเภอสังขละบุรี ตอนสร้างเขื่อนวชิราลงกรณ หรือเขื่อนเขาแหลม
รอบตัวโบสถ์จะมีต้นไทรใหญ่ปกคลุมดูมีมนต์ขลัง ล้อมรอบตัวโบสถ์ไว้ เหมือนถูกทื้งร้างมานานมากๆ
ด้านในของอุโบสถของวัดสมเด็จ จะมีพระประธานสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ สวยงามมาก สามารถเข้ามากราบไหว้ขอพรกันได้ หลายคนโชคดี ได้กลับมาอีก ^^
ออกจากวัดสมเด็จ (เก่า) เราจะไปยังจุดที่ 3
– วัดศรีสุวรรณ
วัดศรีสุวรรณ วัดของชาวกระเหรี่ยง เป็นวัดที่จมอยู่ใต้น้ำ หรือโผล่พ้นเหนือน้ำ วัดนนี้เราไม่สามารถเข้าไปชมได้ เพราะน้ำท่วมตลอด จึงได้แค่นั่งเรือชมรอบๆวัด
จากการเที่ยวชมทั้ง 3 วัด นับได้ว่าเป็น Unseen Thailand อย่างแท้จริง สวยงาม ดูมีมนต์ขลัง ต้องลองมาสักครั้ง ^^ เที่ยวชมเสร็จ จากนั้นเดินทางกลับนั่งเรือชมบรรยากาศสองข้างทาง ก็จะมาถึงสะพานมอญ เราจะออกไปเที่ยวต่อ ที่เจดีย์พุทธคยา
เจดีย์พุทธคยา
เจดีย์พุทธคยาคือเจย์ดีสีเหลืองๆ ที่เราสามารถมองเห็นได้จากสะพานมอญ สีเหลืองอร่าม สูงเด่นเห็นแต่ไกล ตั้งอยู่ริมแม่น้ำซองกาเลีย
สำหรับเจดีย์พุทธคยานั้น ริเริ่มโดยหลวงพ่ออุตตมะ ด้วยความตั้งใจของหลวงพ่อที่จะจำลองจากเจดีย์พุทธคยา ซึ่งเป็นสถานที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ในประเทศอินเดีย ภายในองค์เจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ จึงเป็นเจดีย์ที่มีผู้คนมาสักการะ บูชาองค์เจดีย์ที่เสมือนเป็นสัญลักษณ์ทางพุทธศาสนา ด้านบนยอดพระบรมสารีริกธาตุ ประดิษฐานฉัตรทองคำแท้หนัก 400 บาทบนยอดเจดีย์ เป็นเจดีย์ที่สวยมากๆ
ด้านหน้าทางเข้า แค่เห็นก็รู้สึกอลังกาฬแล้ว สวยงามมากๆ
เมื่อเข้าภายใน ต้องแต่งกายสุภาพ ไม่ใส่กระโปรงสั้น หรือกางเกงขาสั้น จะมีชุดให้เปลี่ยนเป็นผ้าถุงหรือผ้าซิ่นให้เช่า ค่าเช่าก็แล้วแต่เราจะให้ เพื่อเข้าไปกราบไว้พระบรมสารีริกธาตุ เพื่อเป็นสิริมงคล
ออกจากเจดีย์พุทธคยา ก็เดินทางต่อไปยังจุดหมายต่อไปของเรา
วัดวังก์วิเวการาม (หลวงพ่ออุตตมะ)
ที่นี่อยู่ไม่ไกลจาก เจดีย์พุทธคยา นั่งรถแปบเดียวก็ถึง สำหรับวัดวังก์วิเวการาม หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า “วัดหลวงพ่ออุตตมะ” เป็นศูนย์รวมจิตใจของผู้คนหลายเชื้อชาติที่อาศัยอยู่ในอำเภอสังขละบุรี
ที่นี่ยังเป็นวัดที่เคยเป็นที่จำพรรษาของ “หลวงพ่ออุตตมะ” ภายในมีศพหลวงพ่ออุตตมะซึ่งไม่เน่าเปื่อยบรรจุในปราสาท 9 ยอดอันสวยสดงดงาม ซึ่งมีกระจกใสเจาะด้านข้างเพื่อให้มองเห็นสรีระของหลวงพ่ออุตตมะ สามารถเข้าไปกราบไว้กันได้ เมื่อเข้าภายใน ต้องแต่งกายสุภาพ ไม่ใส่กระโปรงสั้น หรือกางเกงขาสั้น จะมีชุดให้เปลี่ยนเป็นผ้าถุงหรือผ้าซิ่นให้เช่า ค่าเช่าก็แล้วแต่เราจะให้ เพื่อเข้าไปกราบไว้หลวงพ่ออุตตมะ เพื่อเป็นสิริมงคล
จากนั้นก็กลับไปที่วังกะรีสอร์ท เช็คเอ้าท์ เพื่อเดินทางกลับ ขากลับก็สามารถแวะเที่ยวน้ำตกระหว่างทางกันได้
น้ำตกเกริงกระเวีย
น้ำตกเกริงกระเวีย เป็นน้ำตกเล็กๆ อยู่ระหว่างไป กาญจบุรี – สังขละบุรี ตั้งอยู่ติดถนนเลย อยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลม เข้าชมฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย สามารถแวะเล่นน้ำ พักผ่อนกันระหว่างทางได้
เป็นน้ำตกที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก สูงประมาณ 4-5 เมตร มีน้ำไหลลงไปตามแอ่ง น้ำใส สามารถลงเล่นได้ ปลอดภัย เด็กๆสามารถเล่นน้ำได้ มีน้ำไหลตลอดทั้งปี
ออกจากน้ำตกน้ำตกเกริงกระเวีย ก็เดินทางกลับกรุงเทพฯ แนะนำว่าออกจากสังขละบุรี ไม่เกินบ่าย 2 กำลังดี จะได้ถึงกรุงเทพฯไม่ดึกมาก ใช้เวลาเดินทาง 5 – 6 ชม ก็มาถึงกรุงเทพฯ
จบเรียบร้อยครับ ทริปสังขละบุรี 2 วัน 1 คืน ก็เที่ยวได้ เมืองนี้ มีอะไรน่าใจ น่าค้นหามากๆ ผู้คนน่ารัก วัฒนธรรมน่าสนใจ เป็นเมืองที่มีเสนห์เหลือเกิน มากี่ครั้งก็ไม่เบื่อ ^^
สำหรับใครที่ต้องการมาเที่ยวสังขละบุรี แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง ไปยังไง ตามรอยรีวิวเรามาได้เลยจ้า ข้อมูล การเดินทาง ที่พัก ที่เที่ยว ครบเลย อย่างที่ผมบอกไว้ตั้งแต่ต้น ผมไม่ได้แค่ทำให้คุณอยากออกไปเที่ยว แต่ผมจะแนะนำวิธีให้คุณเดินทางไปเที่ยว แล้วเจอกันทริปต่อไป
Goodbye
สรุปค่าใช้จ่ายที่จำเป็นของทริปนี้
– ค่าห้องพัก วังกะรีสอร์ท 1,000 บาท
– ค่าน้ำมัน 2,000 บาท
– ค่าเหมาเรือเรือชมวัดใต้น้ำ เมืองบาดาล 400 บาท
ค่าใช้จ่ายอื่นๆขึ้นอยู่กับบุคคลเลยน๊าา (แต่ละคนใช้จ่ายไม่เหมือนกัน)
ปล. ค่าใช้จ่ายต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลง ควรโทรเช็คก่อน
ใครที่กำลังหาที่พักสังขละบุรี ติดต่อได้ตามรายละเอียดด้านล่างนี้ได้เลยครับ
วังกะรีสอร์ท สังขละบุรี
โทร : 034510434 , 0871539261
Facebook : www.facebook.com/wangkaresort/
Line ID : jass.wangka , jass0871539261
เว็บไซต์ : www.wangkaresort.com/
บขส. กาญจนบุรี โทร : 034-511-387
ดูรายละเอียดการเดินทางเพิ่มเติมที่ได้ : www.kanchanaburi-info.com/th/bus.html#Sangkhlaburi
:: FOLLOW US ::
Facebook Fan Page : Tripth ทริปไทยแลนด์
Instagram : www.instagram.com/trip_th/
Twitter : twitter.com/TripthTh
Google+ : https://goo.gl/wdvzXg
Website : www.tripth.com/
Youtube : https://goo.gl/tA4KH0
Line : : //ti/p/@miv2982t
Inbox : m.me/TripTH.con/
ภาพและข้อมูลโดย © TripTH
เรียบเรียงข้อมูล Rungnakorn @ TripTH