รีวิว เที่ยวอุดรธานี เที่ยวหนองคาย แบบไม่มีรถส่วนตัว แนะนำ สถานที่ท่องเที่ยวอุดรธานี ภูพระบาท น้ำตกตาดน้อย สถานที่ท่องเที่ยวหนองคาย สกายวอล์ค น้ำตกธารทอง ถ้ำเพียงดิน ฯลฯ
สวัสดี เจอกันอีกตามเคย ^__^ เบื่ออยู่บ้าน เบื่ออยู่ที่ทำงานกันมั้ย เรามีทริปดีๆมาแนะนำอีกตามเคย เป็นทริปการเดินทางที่คุ้ม และสนุกมากๆ ได้ไปเที่ยว ไปผจญภัย ไปสูดอากาศบริสุทธิ์ ไปไหว้พระ ทำบุญ เรียกได้ว่า ครบรสเลย
และเดินทางไม่ยาก สะดวกมากมาย ไม่มีรถก็ไปได้ ทริปนี้เราจะจะไปเที่ยวทางอีสานเหนือ หลายคนอาจจะยังไม่เคยไปเที่ยวอีสานเหนือ หรือไม่รู้ว่าอีสานเหนือเป็นยังไง น่าเที่ยวแบบไหน เราเองก็เป็นคนอีสานโดยกำเนิด แต่เป็นอีสานใต้นะ ^__^ (ลาวศรีเกษ) เลยอยากพาเที่ยวภาคอีสานให้เพือนๆได้รู้จักภาคอีสานมากขึ้น เราจะพาไปเที่ยวอีสานในแบบของเรา ไปดูว่าที่นี่มีอะไรให้เที่ยว หรือน่าเที่ยวแค่ไหน ทริปนี้เราจะไปเที่ยวทางอีสานเหนือ ที่
อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ
:: FOLLOW US ::
Facebook Fan Page : https://www.facebook.com/TripTH.con/
Instagram : https://www.instagram.com/trip_th/
Twitter : https://twitter.com/TripthTh
Google+ : https://goo.gl/wdvzXg
Website : https://www.tripth.com/
Youtube : https://goo.gl/tA4KH0
Line : http://line.me/ti/p/Ws0lI4s0g2
แล้วไปยังไง ? ไม่มีรถส่วนตัวไปได้ไหม ? พักที่ไหน ? ใช้งบเยอะไหม ?
เดี๋ยวเราจะพาไปหาคำตอบ ทุกรายละเอียด ทริปนี้เราเดินทางโดยไม่มีรถส่วนตัว
ทริปนี้เริ่มจากได้ไปมีแฟนเพจของเราคนนึ่ง บอกว่าอยากไปเที่ยวทางอีสาน แต่ไม่มีรถส่วนตัว ไม่รู้จะไปยังไง เราเลยจัดให้เลย น่ารักม่ะ ^__^ เราก็เลยเริ่มรวบรวมข้อมูล แต่ดูสถานที่ท่องเที่ยวแต่ละแห่งไกลกันมาก ถ้าเช่ามอเตอร์ไซค์เที่ยวคงขี่ไม่ไหว ไกลเกิน ถ้าเช่ารถใหญ่ขับเที่ยวเอง ก็ต้องเสียค่าน้ำมันเอง ขับเองเหนื่อย และต้องรู้จักเส้นทางและที่เที่ยวอีก เลยตัดออกไป
เราเลยไปเจอบริการเหมารถพาเที่ยว ตามสถานที่ต่างๆ ในแถวอีสานเหนือ หรือทั่วประเทศ ซึ่งน่าสนใจมาก ราคาไม่แพง ไม่ต้องขับรถเอง พาไปเที่ยวตามจุดสำคัญที่เป็นไฮไลท์ของอีสานเหนือ เลยโทรไปสอบถามราคา อยู่ที่ 2500 บาท/วัน (รวมค่าน้ำมันแล้ว) เป็นรถ SUV Isuzu MU-X คันใหญ่ นั่งสบาย นั่งได้สูงสุด 6 คน ลองหาร 6 สิ ตกคนละ 316 บาทเอง โดยรถจะมีเส้นทางที่ไปตามจุดที่น่าสนใจของ จังหวัด อุดรธานี หนองคาย อยู่แล้ว แต่ถ้าเราอยากไปที่ไหนเป็นพิเศษ พี่เขาก็ตามใจเรา ไปได้หมด เราว่าน่าสนใจมากๆ เลยหาวันว่าง โทรไปจองไว้ โทรจองได้ที่เบอร์ 0946798133 เราจะไป 2 วัน เดินทาง 4 คน ไป 3 จังหวัด อีสานเหนือ ได้แก่ อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ
รายละเอียดเหมารถเที่ยว > http://wp.me/p6BULp-2WE
ส่วนที่พัก เราสามารถหาที่พักเองได้ หรือใครไม่สะดวกหา ก็ให้พี่เขาจองให้ได้ ส่วนเรานั้นเลือกจองเอง โดยเราเลือกที่พักใกล้สถานีรถไฟ อยู่ใจกลางเมือง ใกล้ บขส. เพราะจะได้เดินทางสะดวก เราเลยไปเจอ โรงแรม สันติปราณ เพลซ อยู่ห่างจากสถานีรถไฟแค่ 500 เมตร อยู่ใกล้ บขส.อุดร ไม่ไกล ราคาเริ่มต้น ที่ 350 โทรจองได้ที่เบอร์ 0883377548 เอาละ รถพร้อม ที่พักพร้อม เราก็ไปเริ่มกันเลย
กรุงเทพฯ (สถานีรถไฟหลักสี่)
20.40 น.
ทริปนี้เราจะเดินทางโดยรถไฟไปลงตัวเมืองอุดรธานี หรือใครอยากเดินทางโดยรถทัวร์ก็สามารถขึ้นได้ที่หมอชิต ไปลง บขส. อุดร ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟเหมือนกัน เราออกจากบ้านย่านลาดพร้าวตั้งแต่ 5 โมงเย็น มาถึงสถานีรถไฟหลักสี่เวลา 19.00 น. จากกรุงเทพฯ (สถานีรถไฟหลักสี่) มีรถไฟไปอุดรธานีวันละ 4 เที่ยว มีเวลา 08.59 / 19:17 / 20:42 / 21:24
ขบวนเวลา 21.24 จะเป็นรถไฟฟรี ถึงอุดร เวลา 07.55 น. แต่เราตั้งใจจะไปถึง เวลา 06.00 น. เพื่อเอาของไปฝากที่โรงแรม และอาบน้ำ จะได้ออกไปเที่ยวแต่เช้า เราเลยเลือกนั่งรถขบวนเวลา 20.42 น. เพื่อจะไปถึงอุดร เวลา 05.50 น. เป็นรถด่วน ค่ารถ 242 บาท ที่เราอยากไปถึงเช้าๆ เพราะจะได้มีเวลาเที่ยวเยอะ หรือใครจะนั่งรถไฟฟรี ก็ได้เหมือนกัน ไปถึงเวลา 07.50 ประหยัดเงิน แต่ก็จะถึงช้ากว่า 1.5 – 2 ชม. ใครชอบแบบไหนก็เลือกได้ตามความสะดวกจ้า
นั่งรถยาวๆ จากกรุงเทพไปอุดร ต้องนอนเอาแรงไว้ หลับยาวๆ ตื่นมาจะได้มีแรงเที่ยว ^__^
วันที่ 1
สถานีรถไฟอุดรธานี
05.50 น.
หลังจากนั่งรถ หลับยาวๆ มา 8 ชม. เราก็มีถึงสถานีรถไฟ อุดรธานี จากตรงนี้เราได้ไปที่พัก เราก็เปิด Google Map ได้พิกัดแล้ว ซึ่งที่พักอยู่ห่างจากสถานีรถไฟ 500 เมตร เราเลยตัดสินใจเดินไป ออกจากสถานีรถไฟอุดร เลี้ยวขาวไปตามถนนทองใหญ่ เดินออกกำลังกายวอร์มร่างกายหน่อย ^__^ หรือใครไม่อยากเดินก็นั่ง 3 ล้อได้ ที่หน้าสถานีรถไฟได้
โรงแรม สันติปราณ เพลซ
06.00 น.
แล้วเราก็มาถึง ที่พักของเรา โดยเราโทรนัดให้รถที่จะรับเราไปเที่ยว มารับเราที่โรงแรม เพราะเราอยากอาบน้ำ ก่อนออกไปเที่ยว สำหรับที่พัก เราได้โทรมาขอกับเจ้าของที่พักแล้วว่าเราจะขอเช็คอินก่อนเวลา ซึ่งพี่เขาก็ใจดีมาก ^__^ แต่ต้องดูด้วยนะว่า พี่เขามีแขกมาพักก่อนไหม ถ้าไม่มีแขกพัก พี่เขาก็ให้ได้ ซึ่งน้อยที่จะเป็นแบบนี้ ใจดีมากๆ ห้องพักที่นี่มีให้เลือก 3 แบบ
Standard 450 บาท
Suite 650 บาท
Family Suite 850 บาท
โดยเราไปกัน 4 คน เลือกพัก 2 ห้อง ห้องละ 2 คน คือ ห้อง Suite กับห้อง Standard ใครไปแบบครอบครัว ไปกับกลุ่มเพื่อน ก็เลือกตามความเหมาะสมของได้เลย ภายในห้องพักสะอาดมาก กว้างขวาง มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ ตู้เย็น แอร์ ทีวี เครื่องทำน้ำอุ่น wifi ที่ห้อง Suite นั่นจะมีห้องนั่งเล่น มีไมโครเวฟ สะดวกสบาย ราคาไม่แพงด้วย
สามารถโทรจองที่พักได้ที่เบอร์ 0883377548 , 042224579
หลังจากเช็คอิน อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ เราก็ ก็ถึงเวลานัด
ล้อหมุน
07.00 น.
แล้วรถก็มารับเรา ที่ ที่พักเพื่อไปเที่ยวกัน เป็นรถใหม่ SUV Isuzu MU-X คันใหญ่ นั่งสบาย นั่งได้สูงสุด 6 คน สะดวกสะบายมาก มีเพลงฟัง ทีวีดูระหว่างทาง มีพี่แอร์ เป็นคนขับ พี่แอร์บอกว่าจะพาแฟนมาด้วย ชื่อพี่ลี่ จะได้สนุกเพราะพี่ลี่ เป็นคนร่าเริงมาก 55+ พี่เขาจะเน้นเรื่องความเป็นกันเองมาก แบบเหมือนไปเที่ยวกับครอบครัว ไปกับเพื่อน อยากแวะไหนก็แวะได้ อยากเข้าห้องน้ำ อยากแวะเที่ยวที่ไหน ได้หมด พี่เขาบอกว่า อยากให้ลูกค้า ได้ไปตามใจตัวเอง ไม่ใช่ต้องไปตามคนขับ ถ้าไปตามใจลูกค้า ลูกค้าจะได้สนุก ฟังแล้วรู้สึกดีมาก แล้วบนรถพี่ไม่รู้สึกเกรงอะไรเลย เราสร้างความคุ้นเคยกันเร็วมาก รู้สึกเป็นกันเองสุดๆ แบบนี้สิ ถึงจะน่าเที่ยว ^__^
Let’s go
จุดหมายแรกของเราคือ อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท ซึ่งต้องนั่งรถไปอีก 2 ชม. ใครจะนอนก็นอนได้เลย เบาะปรับนอนได้สบายมาก รถครอบครัว นั่งสบายมาก นั่งเม้าส์ กับพี่แอร์ พี่ลี่ ไปจนถึงอำเภอบ้านผือ ก็เริ่มหิวละ ต้องหาอะไรหม่ำ อยากกินอะไร ร้านไหนบอกได้เลย คือไปเที่ยวแบบนี้ พี่เขาบอกไม่ต้องเกรงใจ ใครหิว อยากแวะซื้ออะไร บอกได้ตลอดไม่ต้องเกรงใจ เรามากันแบบชิลๆ ไปเรื่อย ^__^ ซื้อมานั่งกินบนรถก็ได้ เรารู้จักพี่แอร์ กับพี่ลี่แป๊บเดียว เหมือนเป็นครอบครัวเดียวกันละ สนุกสนาน ครื้นเครงมาก เป็นกันเองสุดๆ แวะกินข้าวมันไก่แถวอำเภอบ้านผือ อิ่มท้องละ เดินทางต่อ อีกไม่ไกลก็จะถึงจุดหมายแรกของเรา
อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท
09.00 น.
หลังจากออกจากตัวเองอุดรมา 67 กม. แวะกินข้าวที่อำเภอบ้านผือ เราก็มาถึง อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท สำหรับ อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท ตั้งอยู่ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี บริเวณเชิงเขาภูพาน ในเขตป่าสงวนแห่งชาติที่มีชื่อว่า “ป่าเขือน้ำ”
อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท เปิดบริการเวลา 08.00-16.30 น.
ค่าเข้าอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท
คนไทย 20 บาท
ชาวต่างชาติ 100 บาท
(ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้)
ฟรี สำหรับ พระภิกษุสงฆ์ สามเณร นักเรียน นักศึกษา ครูอาจารย์ คนพิการ ผู้ด้อยโอกาศ ทหารผ่านศึก หรือผู้ที่อายุ 60 ขึ้นไป เข้าชมฟรี
จอดรถ ซื้อตั๋วเสร็จ เราก็ต้องเดินเท้าขึ้นไป ด้านบน เรามาถึงเช้า และเป็นวันธรรมดา เลยไม่ค่อยมีคน พร้อมแล้วลุยกัน
สถานที่สำคัญในอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท ได้แก่ หอนางอุสา ถ้ำพระ ถ้ำวัว-ถ้ำคน ภาพเขียนสีโนนสาวเอ้ หีบศพนางอุสา วัดลูกเขย วัดพ่อตา ถ้ำช้าง กู่นางอุสา ผาเสด็จ คอกม้าท้าวบารส คอกม้าน้อย บ่อน้ำนางอุษา เพิงหินนกกระทา ฉางข้าวนายพราน อูปโมงค์ ถ้ำฤๅษี ถ้ำปู่เจ
เดินทางตามทางเรื่อยๆ สักพักเราก็จะมาถึง บริเวณที่มีก้อนหินรูปทรงแปลตามากมาย
ที่นี่เป็นที่อยู่ของมนุษย์มาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ เมื่อราว 2,000 – 3,000 ปีมาแล้ว มีการพบภาพเขียนสีมากกว่า 30 แห่ง มีการดัดแปลงโขดหินและเพิงผาธรรมชาติให้กลายเป็นศาสนสถานของผู้คน ที่นี่ได้พัฒนาแหล่งจนกลายเป็นอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท และเป็นแหล่งมรดกทางวัฒนธรรม ที่ประเทศไทย จะนำเสนอเพื่อขึ้นทะเบียนให้เป็นแหล่งมรดกโลก อีกด้วย
หอนางอุสา มีลักษณะเป็นโขดหินคล้ายรูปดอกเห็ดหรือหอคอยขนาดเล็กตัวหอนางอุสาตั้งอยู่บนลานหินกว้าง ลักษณะประกอบด้วยหินขนาดใหญ่สองก้อนเรียงซ้อนทับกันในแนวดิ่งหินก้อนบน คาดว่าสภาพเห็นตั้งนี้เกิดจากธรรมชาติ
แต่ภายหลังถูกดัดแปลงเพื่อเป็นที่พักของมนุษย์ในสมัยก่อน โดยแบ่งออกเป็นห้องมีลักษณะก่อหินเป็นรูปหน้าต่าง
แถวนั้นมีโขดหินที่มีลักษณะเรียงซ้อนกันหลากหลายแบบ และยังพบลักษณะของหลุมคล้ายลักษณะครกหินอยู่ รวมทั้งภาพเขียนสีผนังถ้ำหรือแง่งหินอีกด้วย
เดินดูหินรูปร่างแปลกตา แถบนี้เสร็จ เราก็เดินต่อไปยังผาเสด็จ ซึ่งอยู่ด้านบน อีกราวๆ 400 เมตร ด้านบนเป็นจุดชมวิวที่สวยงามมาก เราก็ไม่พลาดที่จะมาชมจุดนี้ วิวสวยมากกกกก
เที่ยว อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท เราก็ออกเดินทางไปยังจุดหมายต่อไป
อุทยานแห่งชาตินายูง – น้ำโสม
12.00 น.
เดิมที ที่นี่ไม่ได้อยู่ในโปรแกรม แต่อยู่ในเส้นทาง และเราผ่านพอดี พี่แอร์เลยถามว่า อยากลองไปดูไหม เราก็ตอบตกลงทันที ใจดีมากๆ ^__^ อุทยานแห่งชาตินายูง – น้ำโสม อยู่ในอำเภอน้ำโสม จังหวัดอุดรธานี มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ คือ น้ำตกยูงทอง น้ำตกตาดน้อย และจุดชมวิวผาแดง
ลงจากรถเดินทางดูน้ำตกก่อนเลย มีเจ้าหน้าที่เดินสวนทางกัน บอกว่า น้ำตกยูงทอง ตอนนี้น้ำไม่ค่อยมี ต้องรอดูฝน แต่น้ำตกตาดน้อย มีน้ำเยอะเลย เราเลยเดินไปตามทางจนถึง น้ำตกยูงทอง
น้ำตกยูงทอง เป็นน้ำตกตั้งอยู่บนสันเขาภูพาน และภูย่าอู ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 550 เมตร ตอนนี้น้ำยังไม่มา ต้องรอก่อน เราเลย เดินต่อ เพื่อไปดูน้ำตก น้ำตกตาดน้อย
น้ำตกตาดน้อย 900 เมตร หรือห่างจาก น้ำตกยูงทอง 400 เมตร ขึ้นไปบนเขา น้ำตกตาดน้อย ด้านบนจะเป็นบริเวณลานหินที่น้ำไหลลัดเลาะลงมาแล้วตกไปยังเบื้องล่างไหลลดหลั่นลงด้านล่าง เป็นชั้นๆ ตอนเราขึ้นไป ไม่มีคนเลยสักคน นั่งเงียบๆ อยู่กับธรรมชาติ อยู่กับน้ำตก มันสวยมาก
ที่นี่ยังมี จุดชมวิวผาแดง อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯประมาณ 1,500 เมตร ตามเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติน้ำตกยูงทอง เจ้าหน้าที่บอกว่า ผาแดงเป็นหน้าผาหินทรายที่สูงชันมองเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามเบื้องล่างได้กว้างไกล แต่เราไม่ได้ขึ้นไป เพราะไม่รู้เส้นทาง ติดไว้ก่อน รอบหน้ามาใหม่จะไปแน่นอน ^__^
ออกจาก อุทยานแห่งชาตินายูง – น้ำโสม เราก็ไปต่อยังป้ายต่อไป
วัดป่าภูก้อน
13.30 น.
วัดป่าภูก้อน ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่านายูงและป่าน้ำโสม ตำบลบ้านก้อง อำเภอนายูง จังหวัดอุดรธานี ซึ่งเป็นรอยต่อ 3 จังหวัด คือ จังหวัดอุดรธานี จังหวัดเลย และจังหวัดหนองคาย
วัดนี้ตั้งอยู่บนเขา เส้นทางเข้าวัดเป็นทางลาดยางตลอดเส้นทาง การเดินทางสะดวกมากๆ แต่ต้องขึ้นเขาชัน
เมื่อเราขึ้นไปด้านบนวัดป่าภูก้อน ถึงลานด้านหน้าพระวิหารขนาดใหญ่ มีพระวิหารที่สวยงามมากๆ ภายในมีองค์พระพุทธรูปหินอ่อนสีขาวที่สวยงามมาก สร้างด้วยหินอ่อนจากประเทศอิตาลี ที่นำมาเรียงซ้อนกันถึง 42 ก้อน โดยพระวิหารมีลักษณะเป็นสถาปัตยกรรมไทยประยุกต์สมัยรัตนโกสินทร์ มีประตูทางเข้าออกวิหาร 3 ด้าน ภายในถูกตกแต่งอย่างวิจิตรตระการตา บนผนังแฝงไปด้วยเรื่องราวคำสอนของพระพุทธเจ้า
รอบผนังภายในวิหารตกแต่งอย่างสวยงามด้วย ภาพพุทธประวัติและภาพทศชาติ โดยด้านบนของทุกภาพ แกะสลักบทสวดอิติปิโสช่องละท่อนด้วยสีเขียวเข้มบนหินอ่อนขาวถือเป็นผนังพระวิหารที่มีเสน่ห์ และเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร
เราเข้าไปกราบพระทำบุญ ถวายผ้าไตร เดินเวียนรอบองค์พระพุทธรูปหินอ่อนสีขาว 3 รอบ เพื่อเป็นสิริมคล แล้วเดินชมรอบๆวัด โดยอีกด้านเป็นภูเขาสูง เขียวขจี อีกทางเราจะเห็นที่ราบไกลสุดลูกหูลูกตา
ข้อแนะนำ : เนื่องจากทางขึ้นพระวิหารวัดป่าภูก้อน เป็นทางลาดชัน ระยะทาง 1.5 กม. คนที่เดินทางโดยรถบัส ควรใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ หากรถของกำลังของเครื่องยนต์ต่ำ ไม่สามารถขึ้นเขาสูงได้ ควรแจ้งทางวัดล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วัน เพื่อจะได้จัดรถสองแถวรับส่ง โดยคิดค่ารถ-น้ำมัน ท่านละ 20 บาท โดยทางวัดกำหนดให้รถบัสจอดรถบริเวณหน้าโรงครัววัดป่าภูก้อน ห่างจากประตูทางเข้าวัดประมาณ 50 เมตร สำหรับรถยนต์ส่วนตัว ควรเป็นรถที่มีกำลังเครื่องยนต์สูงพอที่จะขับขึ้นเขาได้ โดยไม่ติดขัด และไม่แซงทางโค้งเด็ดขาด เพื่อความปลอดภัยของท่านเองและบุคคลอื่น
เที่ยวชมความสวยงามของวัดป่าภูก้อนเสร็จแล้ว เราก็ออกเดินทาง ไปป้ายต่อไป โดยเราจะเข้าสู่เขตจังหวัดหนองคาย จะไปอำเภอสังคม เราทานข้าวที่นั่น นั่งริมแม่น้ำโขง บรรยากาศชิวๆ เดินทางอีกราวๆ 1 ชั่วโมง เราก็จะมาถึง
ริมแม่น้ำโขง อำเภอสังคม จ.หนองคาย
14.30 น.
แล้วก็เราก็มาถึง อำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย โดยเราตั้งใจจะทานข้าวที่นี่ หาร้านบรรยากาศดีๆ ริมแม่น้ำโขง เราได้ที่ฝากท้อง เป็นร้านที่อยู่ตรงข้าม สถานีตำรวจสังคม แถบนั้นมีร้านอาหารเยอะมาก บรรยากาศดีติดแม่น้ำโขง ฝั่งตรงข้ามอำเภอสังคมนั้นคือ ประเทศลาว โดยมีแม่น้ำโขงกั้นไว้ เราจะเห็นชาวบ้านทั้งฝั่งไทย ฝั่งลาวล่องเรือหาปลากันหลายลำเลย อยู่บนแม่น้ำโขง วิถิชีวิตสองฝั่งโขง บรรยากาศดีมาก
มาที่นี่อย่าลืมสั่ง ปลาน้ำโขง อร่อยมากๆ อย่าพลาดเลย ^__^
อำเภอสังคมมีชื่อเสียงด้านการท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และที่นี่มีสถานที่ท่องเที่ยวมากที่สุดของจังหวัดหนองคายอีกด้วย ซึ่งเดี๋ยวเราจะไปเที่ยวกัน ^__^
สกายวอล์ค วัดผาตากเสื้อ หนองคาย
15.30 น.
วัดผาตากเสื้อ ที่ตั้งอยู่บนเขาในเขตอำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย เดิมชื่อวัดถ้ำพระ หลวงปู่เพชร เป็นวัดที่มีทิวทัศน์สวยงาม มาก สูงจากระดับน้ำทะเล 550 เมตร เป็นจุดชมวิวแม่น้ำโขงที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย ในช่วงที่น้ำลดหากไปยืน อยู่บนสกายวอล์ควัดผาตากเสื้อแล้วมองลงมายังแม่น้ำโขง จะเห็นสันทรายเป็นริ้วคล้ายเกล็ดพญานาคอย่างชัดเจน จึงได้รับการขนานนามให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเส้นทางในฝัน Dream Destination 2 จาก ททท. นั่นก็คือ “เกล็ดพญานาคริมโขง”
แน่นอน ว่ามาถึงอำเภอสังคม จังหวัด หนองคายเราต้องมาที่นี่ สกายวอล์ค วัดผาตากเสื้อ ที่นี่พึ่งเปิดให้เข้าชมมาได้ไม่นาน เรียกได้ว่าเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของจังหวัดหนองคาย และเป็นแห่งแรกของประเทศไทยด้วย
โดย สกายวอล์ค นั้นไปสะพานยื่นออกไปในหน้าผา โดยมีกระจกใส สามารถมองเป็นพิ้นด้านล่าง มันสูงมากกกกก ทางเดินนั้นเป็นรูปแบบเกือกม้า พื้นปูด้วยกระจก ที่มีความมั่นคงแข็งแรง ทนทาน หนา 4 เซนติเมตร ทางเดินถูกสร้างให้ยื่นออกไปบริเวณหน้าผา 6 เมตร เหล็กกันสนิม สามารถรับน้ำหนักนักท่องเที่ยวที่ขึ้นไปยืนได้ประมาณ 20 คน หรือประมาณ 2,500 กิโลกรัม
เมื่อเราขึ้นไปบน สกายวอล์ค เราต้องถอดรองเท้าไว้ แล้วเดินไปบนกระจก โดยเจ้าหน้าที่จะดูจำนวนคน ไม่ให้เกินพิกัด ใครที่กลัวความสูง ไม่แนะนำน๊าาา ^__^ หวาดเสียวมากๆ บนนี้วิวสวยมากๆ เราสามารถมองเป็นแม่น้ำโขงไปจนถึงประเทศลาวเลย เป็น เหมือนแม่น้ำสองสาย แต่ช่วงนี้หน้าฝน น้ำเลยไม่ลด เลยอดเห็นเกล็ดพญานาคเลย แต่วิวสวยบนนี้มากๆ ต้องมาดูกัน ^__^
ข้อแนะนำเมื่อขึ้นไปบนสกายวอล์ค
– ห้ามปีน
– ห้ามกระโดด
– ห้ามพิงกระจก
– ห้ามสูบบุหรี่
– ต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ด้วยน๊าาา ^__^
เที่ยวชมวิวแบบหวาดเสียวบน สกายวอล์ค วัดผาตากเสื้อ เสร็จ เราก็ออกเดินทางไปยังป้ายต่อไป พี่แอร์บอกว่าที่นี่ เป็นถ้ำพญานาค ศักดิ์สิทธิ์มากๆ เลยอยากพาไปดู
วัดถ้ำเพียงดิน (เมืองนครบาดาล)
16.30 น.
วัดถ้ำเพียงดิน หรือ อีกชื่อคือ ถ้ำพญานาค ตั้งอยู่ที่ บ้านดงต้อง ต.ผาตั้ง อ.สังคม จ.หนองคาย สาเหตุที่เรียกว่า ถ้ำพญานาค นั้นมาจากตำนานความเชื่อว่า ที่นี่เป็นทางเข้า-ออกของธิดาพญานาค ซึ่งมาหลงรักเจ้าชายของเมืองนี้บนโลกมนุษย์
ยังมีความเชื่อว่าถ้ำแห่งนี้เป็นเส้นทางสู่เมืองพญานาค ที่สามารถเดินทางไปใต้ลำโขง ไปๆมาๆระหว่างหนองคายกับเวียงจันทน์ได้ โดยมีเรื่องเล่าว่า ในถ้ำแห่งนี้เป็นเส้นทางที่พระธุดงด์จากลาวใช้ข้ามฝั่งลอดใต้แม่น้ำโขงเข้ามายังเมืองไทย เป็นถ้ำที่ต้องเป็นพระผู้ทรงศีลอันแก่กล้าเท่านั้นจึงจะเห็นเส้นทางสัญจรดังกล่าว
เมื่อมาถึงถ้ำเพียงดิน เราต้องมากราบปู่อินทร์นาคราช และแม่ย่าเกศนาคาราช เพื่อเป็นสิริมงคล พี่ลี่บอกว่าเคยมาที่นี่เมื่อครั้งทื่แล้ว จะมีก้อนหินที่เจ้าอาวาส นำออกมาจากถ้ำ ซึ่งต้องเป็นพระผู้ทรงศีลอันแก่กล้าเท่านั้น ถึงจะนำออกมากจากถ้ำได้ ซึ่งภายในก้อนหินจะมีเม็ดคล้ายพลอยเป็นสีต่างๆ แต่หนัก อยู่ภายในก้อนหิน ซึ่งอยู่ที่ว่าเราทุบแล้วจะได้สีอะไร บางคนทุบแล้วไม่เจอ บางคนก็ได้เป็นสีต่างๆ แต่ละสีจะมีความหมายต่างๆกันไป เราสามารถเช่าบูชาได้ แล้วมาทุบดูได้ ส่วนเราได้สีม่วง พี่เขาบอกว่าหายาก เป็นสีดูดทรัพย์ ^__^ สาธุๆ
เมื่อพร้อมเข้าไปด้านใน เราจะต้องถอดรองเท้า แต่งตัวให้กระชับ การเข้าไปในถ้ำ เราจะต้องมีคนนำทางเข้าไปด้านใน ภายใน้เป็นถ้ำที่แคบ มีไฟอยู่บ้าง และมีเส้นทางสลับซับซ้อนมาก ด้านทางเข้าจะมีไกด์ ที่จะพาเราลงไปด้านล่าง
ลักษณะถ้ำดินเพียงนี้คล้ายเมืองบาดาลของพญานาคตามความเชื่อของชาวบ้าน ภายในถ้ำจะมีความชื้น และมีน้ำไหลตลอดปี แต่น้ำไม่เคยท่วม บริเวณภายในตัวถ้ำซึ่งมีลักษณะคล้ายร่องรอยการเลื้อยของพญานาค เป็นช่องขนาดพอดี
ภายในมีสิ่งศักดิ์มากมาย เป็นเหมือนห้องต่างๆ มีก้อนหินเป็นรูปร่างต่างๆ มีส่วนเว้าโค้งของหินภายในถ้ำที่สวยงาม การเดินทางเข้าถ้ำควรมีผู้นำทางเพราะถ้าไปเองอาจทำให้หลงทางและเป็นอันตรายได้ พี่ที่นำทางเข้าไปเล่าว่า ถ้ำแห่งนี้สามารถทะลุไปถึงแม่น้ำโขงได้
ในทางเดินภายในถ้ำ จะมีส่วนที่แคบที่สุด ที่เราจะต้องคลานลอดเข้าไป โดยมีความเชื่อความ หากใครได้มาลอดที่ถ้ำแห่งนี้ จะหมดทุกข์ หมดโศก ใครที่ถูกของ ก็จะหลุดไป อันนี้เป็นความเชื่อที่เล่าต่อกันมา
การเข้าไปในถ้ำเพียงดิน เสื้อผ้าควรเป็นกางเกงจะเหมาะสม เพราะมีบางจุดต้องลุยน้ำต้องลุยน้ำที่ลึกพอสมควร ไม่เหมาะสำหรับคนกลัวที่แคบ หรือกลัวความมืด
เป็นกิจกรรมที่สนุกและแปลกใหม่ คนยังไม่ค่อยรู้จักที่นี่มากนัก ต้องลองมาดูกัน ^__^ ออกจากถ้ำเพียงดินเราก็ ไปยังป้ายต่อไป นั่นคือ
น้ำตกธารทอง
17.30 น.
น้ำตกธารทองไม่ห่างจากถนนเส้นหลัก ตั้งอยู่ในเขตบ้านผาตั้ง ตำบลผาตั้ง อำเภสังคม จังหวัดหนองคาย เรามาถึงที่นี่ ก็เย็นพอดี คนก็พอมีบ้าง น้ำตกธารทอง มีลักษณะเป็นธารน้ำไหลไปตามลานหิน มีแอ่งน้ำให้เล่นน้ำได้ ก่อนจะลดระดับเกิดเป็นชั้นน้ำตกเล็ก ๆ เป็นระยะลดหลั่นกัน และไหลลงสู่ลำน้ำโขง ช่วงเวลาที่มีน้ำมากเหมาะแก่การมาเที่ยวชม คือช่วงหน้าฝน ระหว่างเดือนมิถุนายน – ตุลาคม
น้ำตกมีหลายชั้น จุดแรกที่เราเห็นจะเป็นคล้ายๆ แก่งหินเล็กๆต่างที่น้ำไหลผ่าน เมื่อเดินเข้าไปด้านใน จะเป็นนำตกใหญ่ขึ้น น้ำไหลแรง ตกจากที่สูง และจะไหลออกสู่่แม่น้ำโขง เราสามารถมองเป็นแม่น้ำโขงได้เลย เป็นอีกจุดที่ ไม่ควรพลาดเมื่อมาเที่ยวที่อำเภอสังคม
พี่แอร์ให้เวลาเต็มที่เลย บอกว่า มืดค่อยออกเดินทางกลับอุดร พี่เขาไม่ห่วงเรื่องเวลาเลย ให้เราเที่ยวแบบเต็มที่ สุดยอดมากๆ ^__^ เดินชมความสวยงามของน้ำตกธารทองเสร็จ ก็ออกเดินทางกลับอุดรธานี ลัดเลาะริมโขง ไปทางหนองคาย
เบิ่งเวียงจันทร์ อำเภอศรีเชียงใหม่
19.20 น.
เมื่อมาถึงที่ อำเภอศรีเชียงใหม่ ลัดเลาะริมโขง เราจะเห็นเมืองที่มีไฟแสงสี อยู่อีกฝั่งของแม่น้ำโขง พี่แอร์กับพี่ลี่เล่าให้ฟังว่า นั้นคือ นครหลวงเวียงจันทร์ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศลาว พี่แอร์แวะให้เราลงไปเดินเล่นสักพัก บรรยากาศดีมาก ริมแม่น้ำโขง ซึ่งเมื่อก่อนเราเข้าใจมาตลอดว่า นครหลวงเวียงจันทร์ อยู่ตรงข้ามตัวเมืองหนองคาย แต่ไม่ใช่ จริงๆ นครหลวงเวียงจันทร์ อยู่ตรงข้าม อำเภอศรีเชียงใหม่ นี่เอง บรรยากาศยามค่ำคืนที่นี่ ดูชิคๆ อารมณ์เดียวกับ เชียงคาน หรือสังขละบุรี ประมาณนั้น ผู้คนออกมาปั่นจักรยานริมแม่น้ำโขง นั่งเล่นริมแม่น้ำโขง ซึ่งฝั่งตรงข้ามคือ นครหลวงเวียงจันทร์ ชิวสุดๆ
ได้เวลากลับแว้วววว เดี๋ยวรอบหน้าจะมาใหม่ ^__^
ขากลับอุดร พี่แอร์พี่ลี่พาแวะกินข้าวก่อนกลับที่พัก พรุ่งนี้ยังจะไปลุยเที่ยวอีสานเหนือต่ออีกวัน บ้านพี่เขาอยู่ห่างจากที่พักเรา 30 นาที พี่แอร์นัดแนะว่าพรุ่งพร้อมกี่โมง ให้โทรหาล่วงหน้าครึ่งชั่วโมง จะออกมารับที่โรงแรม
เรากลับมาถึงตัวเมืองอุดร 3 ทุ่มหน่อย ก่อนที่พี่แอร์พี่ลี่จะมาส่งเราที่โรงแรม สันติปราณ เพลซ ซึ่งเป็นที่พักของเรา สำหรับวันนี้สนุกมาก ขอตัวไปนอนก่อนพรุ่งนี้จะได้ออกไปเที่ยวต่อ…..
นี่แค่วันแรก ^__^ ยังมีต่อ ตอนที่ 2
v
> http://wp.me/p6BULp-2UA <
:: FOLLOW US ::
Facebook Fan Page : https://www.facebook.com/TripTH.con/
Instagram : https://www.instagram.com/trip_th/
Twitter : https://twitter.com/TripthTh
Google+ : https://goo.gl/wdvzXg
Website : https://www.tripth.com/
Youtube : https://goo.gl/tA4KH0
Line : http://line.me/ti/p/Ws0lI4s0g2
ภาพและข้อมูลโดย TripTH
เรียบเรียงข้อมูล Rungnakorn