ทริป เที่ยวสังขละบุรี พม่า พญาตองซู ทริปข้ามประเทศ พาเที่ยวชม ที่เที่ยวสังขละบุรี สะพานมอญ สังขละบุรี ด่านเจย์ดีสามองค์ ข้ามไปต่อพม่า ทริปนี้ค้มมากสวัสดี (มิงกะลาบา) เจอกันอีกตามเคย ทักทายเป็นภาษาพ่าหน่อย อิอิ รอบนี้จะมานำเสนอทริปดีๆ ที่ไปแล้วคุ้มสนุก ตื่นเต้น อิ่มอก อิ่มใจ อิ่มบุญ ออกตัวก่อนเลยว่าทริปนี้ไปกับครอบครัว เป็นทริปที่ทุกคนยังไม่เคยไปสังขละบุรี กับพม่าสักคนเลย เลยอยากไปกัน ครอบครัวชอบทำบุญ
ใกล้วันมาฆบูชาพอดี (ทริปนี้ไปเมื่อ 21 – 22 ก.พ. 59) มีเวลา 2 วัน 1 คืน ที่พักไม่ได้จอง ไปหาเอาข้างหน้า เอาละเลานี้แหละ เลยนัดแนะกันไปเที่ยว และไปทำบุญด้วย ตกลงปลงใจแพลนกันไว้ว่า จะไปที่นี่
พม่า พญาตองซู สังขละบุรี กาญจนบุรี
:: FOLLOW US ::
Facebook Fan Page : https://goo.gl/xvMCZ4
Instagram : https://www.instagram.com/trip_th/
Twitter : https://twitter.com/TripthTh
Google+ : https://goo.gl/wdvzXg
Website : https://www.tripth.com/
Youtube : https://goo.gl/tA4KH0
Line : http://line.me/ti/p/Ws0lI4s0g2
วันที่ 1
06.00 น.
ออกเดินทาง
เราตื่นกันตั้งแต่ ตี 4 ฮ่าๆ ตื่นเต้นๆ จะได้ไปเที่ยวกับครอบครัว ล้อหมุนตอน 06.00 น. มุ่งหน้าไปพม่า
08.00 น.
ร้านอาหารพนิดา ปลาช่อน บ้านโป่ง
ก็นะ ตื่น ตี 4 ข้าวยังไม่ตกลงท้องก็หิวสิ ระหว่างทางไป กาญจนบุรี เจอร้านนี้พอดี ร้านอาหารพนิดา ปลาช่อน บ้านโป่ง จัดหนักเลย มื้อเช้าเป็นมื้อสำคัญ ท้องว่างนั่งรถ เดี๋ยวเมารถเมาเรือกันพอดี ต้องกินให้อิ่ม
ร้านอาหารพนิดา ปลาช่อน บ้านโป่ง ตั้งอยู่ในอำเภอบ้านโป่ง ราชบุรี ทางไปกาญจนบุรี ร้านนี้ ถ้าผ่านไปทางเมืองกาญจน์ ต้องแวะกินร้านนี้ เมนูปลาเค้าแร่เอาก้างออกหมดแล้ว ถูกใจสุดๆ มีก๋วยเตี๋ยวด้วย ขนมจีนน้ำยาปลาช่อนอบก้อสุดยอด
นอกจากเมนูปลาช่อนที่นี่ก็มีข้าวแกง ก๋วยเตี๋ยว ขนมจีน สเต็ก มีแทบทุกอย่างเลย ราคาก็ไม่แพง เริ่มต้นที่ 30 บาท ก็ทานได้ ภานในร้านตกแต่งดี สะอาด มีมุมให้ถ่ายรูปเยอะแยะเลย
ที่อยู่: 511 ซอย 2/1 หมู่ 3 หนองดินแดง เมือง นครปฐม 73000
โทรศัพท์:092 829 5569
เวลาทำการ : 6:30–15:30
อิ่มท้องแล้วก็เดินทางกันต่อ
ระหว่างทางไปสังขละบุรี ตลอดทางเป็นภูเขาสูง ทางชัน ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ และระหว่างทางนั้นก็ผ่านธรรมชาติที่สวยงามของป่าเขาของจังหวัดกาญจนบุรี เห็นสองข้างทางแล้วก็ฟิน
13.00 น.
ด่านเจย์ดีสามองค์
นั่งรถขึ้นเขาซอกแซกไปหลายชั่วโมง เราก็มาถึง ด่านเจย์ดีสามองค์ ที่นี่มีของขายเพียบเลย เป็นประตูหน้าด่านไปสู่ประเทศเพื่อนบ้านของเรา นั้นคือ “พม่า”
จากตรงนี้เราจะข้ามแดนไปที่ฝั่ง พญาตองซู ประเทศพม่า จริงๆอยากจะเอารถเข้าไปเที่ยวเอง แต่พวกเราไม่มีใครรู้เส้นทางกัน ไม่รู้ที่ไหนเป็นที่ไหน ไม่รู้ประวัติสถานที่ แล้วแต่ละจุดต้องขึ้นเขาลาดชัน
เลยตัดสินใจกันว่าจะใช้บริการนำเที่ยวดีกว่า สำหรับบริการนำเที่ยวพม่านั้น สามรถติดต่อได้ฝั่งด่านเจย์ดีสามองค์ ตรงลานจอดรถมีเพียบ หาไม่ยากเลย มีเยอะมาก มีทุกลานจอดรถ เดินไปไหนก็เจอ
ข้อดีของการใช้บริการน้ำเที่ยวคือ เราใช้บัตรประชาชนใบเดียว เซ็นชื่อ กับเบอร์โทร จบ ที่เหลือเขาจัดหารให้เอง มีรถ มีไกด์ พาข้ามแบบง่ายๆ รวดเร็วทันใจ ค่าบริการ คนละ 300 บาท
จุดที่จะไปก็มี วัดเสาร้อยต้น วัดเจย์ดีทอง พระตาหวาน วัดตองไว หรือวัดป่าภูผากำแพงศรีสยาม หลวงพ่อทันใจ ตลาดพม่าพญาตองซู Duty Free เราแค่ยื่นบัตรประชาชน เซ็นชื่อ กับเบอร์โทร จ่ายเงิน ที่เหลือเขาจัดการหมด
ถือว่าสะดวกดี
เมื่อพร้อมแล้วเราก็จะข้ามแดนกัน โดยจะมีรถมารับ เมื่อเราข้ามแดนไปแล้ว เป็นรถสองแถว พร้อมไกด์ตัวน้อย เป็นน้องๆนักเรียนจากสังขละบุรีเราเองนี้แหละ
13.30 น.
วัดเสาร้อยต้น
จุดแรกของเราคือวัดเสาร้อยต้น วัดนี้เป็นวัดที่หลวงพ่ออุตตมะเคยสร้างไว้ และเคยจำพรรษาที่นี่ เป็นวัดที่ใช้เสาทั้งต้น จากไม้แดง จำนวนมากถึง 105 ต้น เดินเขามาด้านในเราจะเจอเสานับร้อยต้นเลย ด้านในสุดจะมีพระประธาน เราก็สามารถกราบไหว้ ขอพรขอหวยกันได้เลย ^__^
ขึ้นไปที่ชั้น 2 ก็จะมีพระประธานให้กราบไหว้ และจะมีหลวงพ่อรอรดน้ำมนต์ให้ และท่านจะแจกสร้อยคอ ลูกประคํา ให้ โดยท่านจะโยนให้เข้าหัวเราเลย คือเราเตรียมหัวรอ แล้วพระท่านจะโยนมา เป๊ะเลย นั่งดูหลายคน ไม่พลาดเลย เข้าทุกคน อยู่ฝั่งไทยก็ไม่เคยเจอ มาเจอที่นี่ เป็นพิธีที่แปลกดี
ออกจากวัดมาไม่ไกล ก็จะมาถึงบริเวณ ข้างวัดก็จะเจอกับ พระพุทธรูป พร้อมพระอรหันต์จำนวน 120 รูป เรียงรายยาวไปตามแนวภูเขา ท่านเจ้าอาวาสตั้งใจว่าจะสร้างให้ถึง 500 รูปเลยทีเดียว
หลังจากไหว้พระทำบุญเสร็จแล้ว ก็ออกเดินทางไปยังจุดหมายต่อไป
14.00 น.
วัดเจดีย์ทองหรือวัดทองคำ
วัดเจย์ดีทองนี้สร้างอยู่บนภูเขา อยู่ห่างจากวัดเสร์ร้อยต้นไม่ไกลนัก ทางขึ้น ขอบอกว่าชันมาก ดีแล้วที่มากับทัวร์ ถ้าเอารถมาเอง น้ำตาไหลแน่เลย ด้านบนมีองค์เจดีย์สีทองอร่าม รูปทรงคล้ายกับเจดีย์ชเวดากอง รอบองค์เจดีย์มีซุ้มประดิษฐานพระพม่า
เป็นสีทองที่สวยมาก วัดเจดีย์ทองหรือวัดทองคำ รายล้อมด้วยภูเขาบรรยากาศดีมาก มาถึงที่นี่ เราก็ไหว้ตามวันเกิด จะมีแยกวันชัดเจน อยู่ด้านบนจุดนี้เป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นเมืองพญาตองซู และฝั่งไทยเลย
ไหว้พระทำบุญกันสักพัก ก็ออกเดินทางไปยังจุดหมายถัดไป
14.20 น.
พระนอนตาหวาน
พระนอนตาหวาน อยู่ห่างจากวัดเจดีย์ทองไม่ไกลมากนัก ที่นี่จะมีพระนอนขนาดใหญ่ ประดิษฐานอยู่ ซึ่งก็ตาหวานสมชื่อเลย ในองค์พระนอนตาหวาน ด้านในก็สามารถเข้าไปได้ จะมีหลวงพ่อ อยู่ด้านในคอยรดน้ำมนต์ ให้ผู้ที่มาทำบุญ
ไหว้พระเสร็จแล้วก็ไปต่อ
14.40 น.
วัดตองไว หรือวัดป่าภูผากำแพง ศรีสยาม (หลวงพ่อทันใจ)
เมื่อมาถึงวัด วัดตองไว หรือวัดป่าภูผากำแพง ศรีสยาม วัดนี้เป็นวันที่ตั้งอยู่ใกล้เชิงเขา ลักษณะวัดเป็นศิลปะแบบพม่า มีวิหารพระเจ้าทันใจและมีพระพุทธรูปศิลปพม่าอีกหลายองค์ประดิษฐานอยู่ข้างในนั้น
ไกด์บอกว่าเมื่อเรา ให้เราขอพรกับหลวงพ่อทันใจ ขออะไรแล้วจะสมหวัง ซึ่งสามารถขอได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น หลวงพ่อทันใจขึ้นชื่อเรื่องความศักดิ์สิทธิ์อยู่แล้ว
ออมาด้านนอก เมื่อมองไปด้านบนเขา เราก็จะเห็น ด้านบนยอดเขาจะมี พระธาตุอินทร์แขวน จำลอง ประดิษฐานไว้อยู่ เราจะต้องเดินเท้าขึ้นไปทั้งหมด 150 ขั้น ไกด์บอกว่าด้านบนจะสามารถชมวิวเมืองพญาตองซูได้อย่างสวยงามทีเดียว เสียดาย
ซึ่งเราไม่ได้ขึ้นไป เวลาน้อย ขึ้นไปกว่าจะถึง เลยไม่มีคนไปกัน แอบเสียดาย
15.00 น.
ตลาดพม่า หรือตลาดพญาตองซู
ตลาดที่นี่เป็นตลาดแบบพื้นเมือง เราสามารถเดินชมวิถีชีวิตของชาวพม่า ที่นี่มีของขายต่างๆมากมาย เช่นของป่า อาหารแห้ง ปลาแห้ง หอม กระเทียม ผักต่างๆ รวมถึงสมุนไพร ที่นี่ก็มีของสดขายเช่น หมู ไก่ ปลา ผักสด หมูพะโล้เสียบไม้ ขนมพม่าต่างๆ และของกินของใช้แปลกๆ
เดินมาอีกฝั่งก็จะมีพวกเครื่องประดับ พลอย นิล หินสีต่างๆ เสื้อผ้า รองเท้า เครื่องนุ่งห่มต่างๆ แต่ที่เห็นมีขายแทบทุกร้านคือ ใบพลู หมาก ปูน เนื่องจากยังมีคนพม่าจำนวนมากที่ยังกินหมากก็เลยมีขายเต็มเลย ที่นี่ยังมีรถเข็นขายหมากทำสำเร็จไว้ให้ด้วย
ส่วนราคาก็ไม่ได้ถูกไปกว่าฝั่งไทยมากนัก เห็นจากสินค้าส่วนใหญ่ พวกรองเท้า เสื้อผ้า ก็ยังมีภาษาไทยติดอยู่เหมือนกัน
เดินเที่ยวตลาด ชมวิถีชีวิตของคนพม่า ในตลาดพญาตองซูแล้ว ก็ขึ้นรถไปยังจุดต่อไป
15.20 น.
ดิวตี้ฟรี Duty Free
สำหรับ ดิวตี้ฟรี Duty Free ก็คือร้านปลอดภาษีนั้นเอง ที่นี่มีของปลอดภาษีขายกันเพียบ ให้เลือกได้เลย เหล้า บุหรี่ เบียร์ (อันนี้เด็กห้ามนะ) ที่นี่ก็มีขายแทบทุกอย่าง ใครยังไม่เคยชิมเบียร์พม่าก็มาลองได้เลย
สำหรับคนที่จะเอารถเข้า หรือเดินทางเอาไม่ผ่านบริการนำเที่ยว เอกสารที่ต้องเตรียม มีดังนี้
1. สำเนาบัตรประชาชนผู้ข้ามแดนทุกคน โดยเจ้าหน้าที่จะเก็บบัตรประชาชนตัวจริงไว้ 1 ใบ และให้บัตรผ่านแดนมา เมื่อกลับเข้ามาอย่าลืมแวะด่านเพื่อแลกบัตรประชาชนตัวจริงคืน
2. กรณีนำรถยนต์เข้าไปในพม่า จะต้องใช้ สำเนาทะเบียนรถ/พรบ./ประกันภัย/ป้ายวงกลม(ป้ายการเสียภาษี) อย่างใดอย่างหนึ่ง และเสียค่าธรรมเนียมคันละ 50 บาท (มอเตอร์ไซค์เอาเข้าไปไม่ได้)
ค่าธรรมเนียมผ่านด่านชายแดนเจดีย์สามองค์
จากฝั่งไทยไม่เสียค่าธรรมเนียม ส่วนฝั่งพม่าเสียค่าธรรมเนียมคือ
ชาวไทย 30 บาท ชาวต่างชาติ 10 ดอลล่าร์ (ชาวต่างชาติไม่สามารถประทับตราวีซ่าใหม่ ณ จุดผ่านแดนนี้ได้)
เวลาทำการด่านเข้า-ออก 6.00 น. – 18.00 น.
ติดต่อสอบถามการเปิด-ปิดด่านได้ที่ ตม.สังขละบุรี โทร 034-595-335
ข้อแนะนำ
– นักท่องเที่ยวที่ผ่านแดน ไม่สามารถพักค้างคืนในพม่าได้ ต้องกลับเข้ามายังฝั่งไทยก่อนเวลาด่านปิด คือเวลา 18.00 น.
– หากขับรถยนต์เข้าไปในพม่าต้องเปลี่ยนจากขับเลนซ้ายเป็นเลนขวา
– สามารถเช่ามอเตอร์ไซค์จากตัวเมืองสังขละ เพื่อขี่ไปเที่ยวแถวบริเวณด่านเจดีย์สามองค์ได้ แต่ไม่สามารถนำมอเตอร์ไซค์ผ่านข้ามแดนไปพม่า
– ฝั่งพม่ามีมอเตอร์ไซค์รับจ้างพาทัวร์วัดและตลาด ราคาประมาณ 100 – 120 บาท เช่นไปวัดเสาร้อยต้น ตลาดพญาตองซู และวัดเจดีย์ทอง
สำหรับใครที่กลัวหลง เดินทางไม่ถูก ไม่ต้องห่วงนะ ที่ด่านมีแผนที่ในการเดินทางให้ สามารถขอเจ้าหน้าที่ได้เลย
เที่ยวกันครบหนำใจแล้วก็ได้เวลากลับฝั่งไทย ออกจาก ดิวตี้ฟรี ก็ใช้เวลาไม่ถึง นาที ฮ่าๆ ถึงด่านเจย์ดีสามองค์ จริงๆ มันอยู่ใกล้นิดเดียว กลับจากพม่า ได้เห็นวิถีชีวิตของคนพม่า จากจุดนี้ เป้าหมายต่อไปคือ สังขละบุรี
ก่อนกลับเราก็สอบถามไกด์ วให้แนะนำที่พักให้ ไกด์เลยแนะนำที่พักโรงเรียนอนุบาล สังขละบุรี เขาบอกว่า ช่วงนี้วันหยุดยาว ที่พักอาจจะเต็ม ถ้าเต็มจริงๆ ก็ลองไปที่ โรงเรียนอนุบาล สังขละบุรี ขอบคุณไกด์มาก ว่าแล้วก็ Let’s Go สังขละบุรี
16.30 น.
ที่พัก โรงเรียนอนุบาล สังขละบุรี
หลังจากมาถึงที่สังขละบุรี เราก็ตระเวนหาที่พักจนทั่ว ปรากฏว่าเต็มจริงๆ เนื่องจากตรงกับวันหยุดยาว วันมาฆบูชาด้วย นึกถึงไกด์บอก ว่าให้ลองไปถามโรงเรียนอนุบาล สังขละบุรี เราก็เลยลองไปดู ห้องว่างพอดีเลย เอาล่ะ นอนโรงเรียนแล้วกัน
ที่นี่มีห้องพักหลายแบบ ก็เป็นห้องเรียนของนักเรียนนี่แหละ ที่เขาเปิดให้นอนเพราะช่วงวันหยุดจะมีนักท่องเที่ยวเยอะ บางคนหาที่พักไม่ได้ เขาก็เลยเปิดห้องเรียนให้นอน เป็นความคิดที่ดีนะ ในวันหยุดโรงเรียนก็มีรายได้ด้วย ห้องพักก็จะมีหลายแบบ ใครมีเต้นท์ก็กางเต้นนอนได้ หรือแบบไม่มีแอร์ แต่เป็นพัดลม มีมุ้ง ก็มี
สำหรับที่พักเรานั้นก็เป็นห้องเรียนของเด็กอนุบาลนี่แหละ มีแอร์ มีทีวี มีห้องน้ำ มีเครื่องทำน้ำอุ่น เรียกได้ว่ามีครบเลย ค่าบริการคนละ 200 บาท เราไปกัน 10 คน ก็ 2000 ต่อคืน มันกว่างใช้ได้เลยที่เดียว เปิดแอร์นอนสบายเลย แค่ 200 ถือว่าไม่แพง
นอนที่นี่แล้วเหมือนย้อนยุคเป็นเด็กอนุบาลเลย ฮ่าๆ
เมื่อได้ที่พักแล้วก็เก็บกระเป๋า พร้อมที่จะลุยต่อ เราตั้งใจว่าจะไปดูพระอาทิตย์ตกที่นี่
16.50. น.
สะพานมอญ หรือสะพานอุตตมานุสรณ์
สำหรับสะพานมอญนั้นอยู่ห่างจาก โรงเรียนอนุบาล สังขละบุรี ซึ่งเป็นที่พักเราประมาณ 400 เมตร เดินเราเลยตัดสินใจเดินไป ระหว่างทางก็จะเห็น ร้านนั่งชิวต่างๆเยอะแยะเลย เมืองนี้มันชิคดีจริงๆ ระหว่าเดินไปนั้นเจอเรื่องประทับใจคือ
มีผู้หญิงชาวมอญขี่รถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างมาจอดถามนักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่งซึ่งกำลังจะไปสะพานเหมือนเรา เธออาสาไปส่ง โดยไม่คิดเงิน โอ้ววว มันเป็นอะไรที่น่ารักมาก เมืองนี้เขาใจดีกันจัง เรากำลังจะขอติดรถไปด้วย แต่เต็มเสียก่อน
เป็นภาพที่น่ารักมาก ภาพที่เขายิ้มยังติดตาอยู่เลย ตอนที่นั่งเขียนรีวิวนี้ ยังนึกถึงแล้วอมยิ้มเลย เดินเล่นไปสักพักเราก็ถึง สะพานมอญ
สะพานมอญ สะพานอุตตมานุสรณ์ เป็นสะพานไม้ที่ยาวอันดับหนึ่งของประเทศไทย และเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากสะพานไม้อูเบ็งในพม่า สะพานนี้สร้างขึ้นเพื่อใช้สัญจรข้ามแม่น้ำซองกาเลีย เป็นสะพานที่เกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของชาวบ้านในพื้นที่
เราตั้งใจมาดูพระอาทิตย์ตกที่สะพานนี้ เห็นบรรยากาศที่นี่แล้ว ฟินมาก บรรยากาศดี มีภูเขา มีแม่น้ำซองกาเลีย มีสะพานไม้ที่ยาวเป็นอันดับ 2 ของโลก มีชาวมอญที่นิสัยน่ารัก วิถีชีวิตเรียบง่าย เป็นเมืองที่สุดยอดมาก
เดินชมบรรยากาศ สะพานมอญ จนค่ำแล้ว ไปจุดหมายต่อไปเลยดีกว่า
19.00 น.
ถนนคนเดินสังขละบุรี
แน่นอนมาที่สังขละบุรี ก็ต้องไม่พลาดที่จะมาเดินถนนคนเดินสังขละบุรี ตลาดชิคๆแห่งนี้ จากที่พักเรา เดินมาที่ตลาด ถนนคนเดินสังขละบุรี แค่ ร้อยกว่าเมตรเอง ที่นี่มีของขายเอยะมาก ยิ่งอาหารการกินไม่ต้องห่วงมีเพียบ
ไม่ว่าจะเป็น ไก่ทอด ไก่ย่าง ผัดไทย หอดทอด หมูจิ้มจุ่มเสียบไม้ แมลงทอด พิซซ่า โดนัท น้ำปั่น โอ้ยยยย มาเดินที่นี่พุ่งกาง
ของขายเยอะมาก เสื้อผ้า ของฝาก สินค้าโอท็อป โปสการ์ด เสื้อยืดลายต่างๆของสังขละบุรี ชุดชาวมอญก็มี บรรยากาศก็ดี มีดนตรีฟัง มีน้องๆ แต่งตัวเป็นชาวมอญ ให้เราถ่ายรูป หลายคนเลย
หลังจากเดินเที่ยว ช็อป ชิม ชิล กันเรียบร้อย ก็กลับที่พัก พักผ่อน พรุ่งนี้จะได้ ไปใส่บาตรวันมาฆบูชา
วันที่ 2
05.00 น.
ตลาดเช้าสังขละบุรี
จริงๆตื่นตั้งแต่ตี 4 อาบน้ำแต่งตัวพร้อมไปใส่บาตร อากาศหนาว ระหว่างทางอยากหากาแฟ กับโจ๊กทาน เลยเขาไปในตลาด ไปเจอร้านกาแฟร้านหนึ่ง เลยจัดโจ๊ก กับโรตีโอ่ง พี่เขาทำกันสดๆตรงนั้นเลย บอกตรงๆ เกิดมาไม่เคยกินโรตีโอ่ง อยากลอง
จะมาเลย 1 แผ่น กินกับนม ขอบอกว่าอร่อยมาก หรือจะกินเปล่าๆก็มันดี ปลาท่องโก๋ตัวเบอะเริ่ม กินกันนมอร่อยฝุดๆ
อิ่มท้องแล้วเราก็ไปต่อ ข้ามไปฝั่งชาวมอญ
06.00 น.
ประเพณีตักบาตรชาวมอญ
คนเยอะมาก วันนี้วันพระใหญ่ หาที่จอดรถก็ไม่มี เจอชาวมอญคนหนึ่ง เขาถามว่า หาที่จอดอยู่หรือเปล่า เราตอบใช่ เขาบอกตามมาเลย เดี๋ยวพาไป ไอ้เราก็กลัวว่าจะเสียเงิน เลยถามเขาไปว่า เสียเงินหรือเปล่า เขาบอกไม่ จากนั้นเขาก็ให้ขับตามเขาไป เขาก็วิ่งนำรถไป ย้ำนะว่า “วิ่ง” โห พี่สุดยอดมาก ขับตามพี่เขาไปไกลพอสมควรก็เจอที่จอด คือวิ่งมาไกลมาเพื่อหาที่จอดรถให้เรา นับถือพี่เขาเลย ชาวมอญนี่ใจดีจริงๆ จะให้เงินเขาก็ไม่เอานะ เขาบอกว่า ให้ไปช่วยซื้อของใส่บาตรในแผงเขาก็พอ เขาก็พาเดินไปที่ถนนที่เราจะไปตักบาตร
เรากำลังหาของใส่บาตรพอดี เป็นการพึ่งพาที่น่ารักมากเลย หลงรักเมืองนี้เลย หลังจากได้ของใส่บาตรแล้ว เราก็เดินหาที่เพื่อรอพระ
ถนนใส่บาตรจะมีแยกกันชัดเจน คือ ใส่บาตรอาหารสด และอาหารแห้ง ต้องดูดีๆนะ ใส่มั่วพระท่านไม่รับนะ ที่นี่จะมีชุดชาวมอญขายเต็มเลย ใครอยากใส่ชุดแบบชาวมอญก็ซื้อใส่กันได้ มีให้เช่าด้วย ได้บรรยากาศการตักบาตรแบบมอญจริงๆ เนื่องจากพระท่านมา แค่ 3 รูป กับคนนับพัน จึงทำให้ช้าบ้างแต่ก็คุ้ม ที่ครั้งหนึ่งได้ทำบุญตักบาตรแบบประเพณีของชาวมอญ
ทำบุญใส่บาตรเสร็จแล้วเราก็ไปต่อ
07.30 น.
เจดีย์พุทธคยา
เจย์ดีเราสามารถมองเห็นได้จากสะพานมอญ สีเหลืองอร่าม สูงเด่นเห็นแต่ไกล ตั้งอยู่ริมแม่น้ำซองกาเลีย สำหรับเจดีย์พุทธคยานั้น ริเริ่มโดยหลวงพ่ออุตตมะ ด้วยความตั้งใจของหลวงพ่อที่จะจำลองจากเจดีย์พุทธคยา ซึ่งเป็นสถานที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ในประเทศอินเดีย
ภายในองค์เจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ จึงเป็นเจดีย์ที่มีผู้คนมาสักการะ บูชาองค์เจดีย์ที่เสมือนเป็นสัญลักษณ์ทางพุทธศาสนา ด้านบนยอดพระบรมสารีริกธาตุ ประดิษฐานฉัตรทองคำแท้หนัก 400 บาทบนยอดเจดีย์
เมื่อเข้าในที่นี่ต้องแต่งกายสุภาพ ไม่ใส่กระโปรงสั้น หรือกางเกงขาสั้น จะมีชุดให้เปลี่ยนเป็นผ้าถุงหรือผ้าซิ่น ให้เช่า ค่าเช่าก็แล้วแต่เราจะให้
เรามาตอนเช้าหมอกลงจัดมาก อากาศเย็น ขึ้นไปไหว้พระ สักการะพระบรมสารีริกธาตุ เสร็จแล้วก็ไปยังที่ต่อไป
08.20 น.
วัดวังก์วิเวการาม (หลวงพ่ออุตตมะ)
ที่นี่อยู่ไม่ไกลจาก เจดีย์พุทธคยา นั่งรถแปบเดียวก็ถึง สำหรับวัดวังก์วิเวการาม หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า “วัดหลวงพ่ออุตตมะ” เป็นศูนย์รวมจิตใจของผู้คนหลายเชื้อชาติที่อาศัยอยู่ในอำเภอสังขละบุรี ที่นี่ยังเป็นวัดที่เคยเป็นที่จำพรรษาของ “หลวงพ่ออุตตมะ”
ภายในมีศพหลวงพ่ออุตตมะซึ่งไม่เน่าเปื่อยบรรจุในปราสาท 9 ยอดอันสวยสดงดงาม ซึ่งมีกระจกใสเจาะด้านข้างเพื่อให้มองเห็นสรีระของหลวงพ่ออุตตมะ
หลังจากกราบไหว้ หลวงพ่ออุตตมะ แล้ว ก็เดินทางต่อ ออกจากสังขละบุรี นี้เราตั้งใจว่าเจอวัดไหนก็จะแวะทำบุญ เพราะวันนี้วันพระใหญ่
10.00 น.
วัดอู่ล่อง
เดินทางขึ้นเขาลงห้วยมานานก็มาถึงวัดอู่ล่อง วันนี้อยู่ในเขต ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ เป็นวัดใหม่ ที่นี่จะมีเจ้าแม่ตะเคียน ซึ่งเป็นไม้ตะเคียนใหญ่มาก
ด้านบนเขาบอกว่ามีน้ำตาพญานาคอยู่ เราได้เข้าไปกราบพระประธาน และได้ไปนั่งฟังเจ้าอาวาสเทศ เจ้าอาวาสก็เป็นศิษย์หลวงพ่ออุตตมะ
ท่านเทศได้น่าฟังมาก สอนได้เข้าใจลึกซึ้งมากเลย เราคนรุ่นใหม่ฟังแล้วยังทึ้งเลย ท่านบอกว่า ปกติท่านไม่ค่อยเทศให้ใครฟังง่ายๆ วันนี้เราโชคดีมากๆ
ฟังธรรมอิ่มบุญแล้วเราก็ไปต่อ
11.20 น.
วัดท่าขนุน
เรานั่งรถผ่านจะเห็นพระพุทธรูปสีขาวใหญ่ อยู่ทางเข้าวัด และมีพระพุทธรูปเรียงรายยาวเยียดเลย เลยพากันลงกราบไหว้ เพื่อเป็นสิริมงคล กับวันมาฆบูชา
เนื่องจากอากาศร้อนเราเลยอยู่ที่นี่ไม่นานก็เดินทางต่อ จุหมายต่อไป กาญจนบุรี
13.30 น.
สะพานข้ามแม่น้ำแคว
สะพานแห่งนี้ก่อสร้างในช่วงสงครามมหารเอชียบูรพา โดยทหารญี่ปุ่น ได้เกณฑ์เชลยศึกจำนวนมากมาสร้างทางรถไฟข้ามแม่น้ำแควใหญ่ไปพม่า เป็นสะพานที่สวยงาม แต่เต็มไปด้วยอดีตที่โหดร้าย ที่นี่จะมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเยอะพอสมควร
เดินเล่นถ่ายรูปกันสักพักก็ลงแล้ว ไม่ไหวอากาศร้อน ที่นี่มีตลาดให้ซื้อขอที่ระลึกมากมาย
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม ==> สะพานข้ามแม่น้ำแคว
เดินเล่นสะพานข้ามแม่น้ำแควเสร็จก็เดินทางกลับกรุงเทพฯ
18.00 น.
กรุงเทพฯ
สรุปค่าใช้จ่าย
– ค่าเหมารถไปกลับ 2 วัน 1 คืน คนละ 800 บาท
– ค่าบริการนำเที่ยวพม่าคนละ 300 บาท
– ค่าที่พัก 1 คืน คนละ 200 บาท
– ค่าซื้อของใส่บาตร 1 ชุด 100 บาท
– ค่าอาหารและค่าใช้จ่ายอื่นๆ 500 บาท (เราเตรียมอาหารไปเองด้วย)
รวมทั้งทริป ตกคนละ 1,900 บาท
จบไปแล้วทริป 2 วัน 1 คืน ได้เที่ยวตั้ง 2 ประเทศ ได้เห็นเมืองน่ารักๆ อย่างสังขละบุรี ได้เปิดหูเปิดตา เหมือนอย่างที่เขาบอกกันว่า การท่องเที่ยวทำให้เราหลุดจากอะไรเดิมๆ ได้เจออะไรใหม่ๆ ทริปนี้ที่คุ้มมาก
ขอขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก www.kanchanaburi.co.th